วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"ไม่มีรักใดที่จริงใจ ยิ่งกว่ารักในอาหาร"

เสน่ห์ปลายจวัก รักแท้และอาหาร 

"ไม่มีรักใดที่จริงใจ ยิ่งกว่ารักในอาหาร" 

                             
 
     แม้ประโยคอมตะของ"จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ " นักเขียนปากจัดประโยคนี้ จะกล่าวเอาไว้นานแล้ว แต่ก็สร้างความประทับใจและนำมาปฏิบัติได้เสมอ ๆ
สำหรับแม่อบเชย เมื่อใดก็ตามที่เจอรักหลอกลวง ก็จะหันมาหาการกิน อันเป็นความรักที่จริงใจที่สุดเป็นการทดแทน ดังนั้น ทุกครั้งที่อกหักดังเปาะแปะ แทนที่แม่อบเชยจะผ่ายผอมตรอมซูบ กลับอวบอ้วนสมบูรณ์เป็นพระพุทธรูปล้านนาอยู่เสมอ ๆ เวลาไปบอกใครเขาว่า
กำลังอกหัก กำลังเครียดอย่างวายร้าย ก็ไม่มีใครเชื่อไม่มีใครเห็นใจ เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินประโยคอมตะของท่านเบอร์นาร์ด ชอว์
แต่วันนี้ หากคนเหล่านั้นได้มาอ่าน ก็คงเชื่อแล้วสินะ ว่าแม่อบเชยไม่ได้โกหกจริง ๆ

 

    
อาหารกับความรัก เกี่ยวโยงกันอย่างแนบสนิทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สำนวน "เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตาย" ยังใช้ได้หรือไม่กับกับสมัยนี้ แทบจะไม่ต้องเป็นคำถาม เพราะหลังจากประเมินสถานการณ์รอบตัวแล้ว น่ากังวลใจแทนสาวยุคใหม่มาก เพราะมักจะไม่ได้ถูกฝึกปรือกันมาเพื่อให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน ตัวอย่างคงไม่ใช่ใคร แม่อบเชยนี่แหละค่ะ ก็ไม่ค่อยได้รู้ว่าข้าวปลาอาหารที่รับประทานอยู่ในแต่ละวันนั้น เขาปรุงกันอย่างไรบ้าง เห็นทีไรมันก็อยู่ในจานแล้วและเวลาอันรีบเร่งที่จะต้องไปเรียนหนังสือก็ทำให้ไม่มีเวลามานั่งแยกแยะข้าว
และส่วนประกอบของอาหาร 


      ยิ่งเมื่อสมัยที่เรียนสูงขึ้นนั้น รับประทานอาหารไป อ่านหนังสือไป จน บางครั้งข้าวหมดจานแล้วยังไม่รู้เลยว่า เมื่อครู่นี้เรากินอะไรเข้าไปหนอ เพราะตา และสมาธิอยู่ที่หนังสือเสียมากกว่า ซึ่งความจริงเป็นพฤติกรรมที่แย่มากนะคะ ไม่ควรทำเป็นอันขาด เพราะว่านอกจากจะทำให้อาหารย่อยไม่ดีเพราะเลือดจะต้อง แบ่งไปทำงานสองที่พร้อมกันแล้ว ยังทำให้ความสุขจากการกินที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งใน ความสุขของมนุษย์ที่หาง่ายที่สุดนั้นพลอยสูญไปอย่างน่าเสียดายด้วยค่ะ และผู้หญิงคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกับแม่อบเชยก็ไม่น่าจะแตกต่างกันนัก เพราะวิถีชีวิตปัจจุบันนี้เหมือนถอดออกมาจากแบบพิมพ์เดียวกันอยู่แล้ว 

 

    
จนเมื่อแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วนั่นแหละ จึงจะได้เริ่มหัดเข้าครัวเสียบ้างแม่บ้านมือใหม่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันก็อาจจะน่าเอ็นดู แม้ว่าจะเจียวไข่หักไปสามสี่ท่อน กลายเป็นไข่คลุก ก็ยังดูน่าอร่อย เค็มไปหน่อย ความหวานของชีวิตคู่ก็ยังพอกล้อมแกล้มให้รสดีได้ แต่เมื่อข้าวเก่าปลาเจ่าปลาจ่อมแล้ว หากไข่เจียวยังหักเป็นท่อน กระดูกแม่บ้านก็อาจจะพลอยหักเป็นท่อนตามไปด้วย ก็เลยต้องเลี่ยงกันมาอาศัยอาหารแพ็คจากซุปเปอร์มาเก็ตเป็นแม่บ้านไมโครเวฟอุ่นเป็น
อย่างเดียว หรือแม่บ้านถุงพลาสติกแกะเป็นอย่างเดียวแทน นอกจากนั้นยังรวมไปถึงแม่บ้านสายด่วน ประเภทกดปุ๊บมาส่งปั๊บอย่างนั้นด้วย

     สิ่งที่จะพ่วงตามมาเป็นปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวอาหารถุงพลาสติกก็คือ อาหารไม่สะอาดเพียงพอ อาหารไม่มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการแต่มีส่วนที่ไม่ต้องการตามมาเช่น ผงชูรส ทีนี้ล่ะค่ะ คุณเอ๋ย พ่อบ้านส่วนมากมักมีรากผมอ่อนแอกันเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อเจอผงวิเศษของแม่ค้าจากอาหารสำเร็จรูปเข้าไปบ่อยๆ ผมก็ค่อยๆ โบกมือลา กว่าที่คุณแม่บ้านจะตระหนักได้ ก็มักจะสายเกินไป แต่บางคน
กลับเผลอปลื้มใจเสียอีกว่าตัวเองยังดูอ่อนวัยในขณะที่สามีดูล่วงหน้าอายุไปไกลทีเดียว หารู้ไม่ว่าอาหารของตัวเองเป็นตัวคะตะไลส์การตีเช็คล่วงหน้าของศีรษะสามี 



     
หากสามีไม่ตระหนักก็นับว่าโชคดีไป แต่หากเขาอยากเปลี่ยนไปหาบ้านที่ทำอาหารเพื่อการกลับมาของวัยหนุ่มได้ อาหารที่รับประทานเพื่อสุขภาพอันแข็งแรงได้ เขาก็อาจจะจากไปได้ง่ายๆ นะคะ เพราะความรักแบบหวานชื่นนั้นมันจืดจางลงไปได้ในเวลาไม่นานหรอก แต่ความรู้สึกว่าเอาใจใส่ ทะนุถนอมกันต่างหากที่จะทำให้อยู่ด้วยกันได้ยืดยาว การใส่ใจอาหารที่รับประทานในแต่ละวันวันละหลายมื้อนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเหล่านั้นด้วย แต่หากวันที่เขาจะไปเกิดมาถึงเข้าจริง ๆ อย่าว่าแต่ "เสน่ห์ปลายจวัก" หรือ "ด้ามจวัก" ที่จะประเคนลงไปเลยค่ะ ต่อให้ "หงส์ร่อน มังกรรำ" ก็อาจจะเอาไม่อยู่แล้ว ดังนั้น สาวสมัยใหม่ทั้งหลาย ก่อนที่จะสายเกินไป มาฝึกเสน่ห์ปลายจวักกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีไหมคะและความจริงที่สำคัญอีกประการก็คือว่าเราก็ได้ทำอาหารคุณภาพเพื่อสุขภาพอันแข็งแรงของเราเองด้วยเช่นกันค่ะ เพราะหากฉวยพลาดพลั้งไป ดึงอย่างไรเขาก็ไม่อยู่แล้ว เราก็จะได้มีสุขภาพจิตดีสุขภาพกายแข็งแรง พอที่จะดูแลตัวเองได้ สบายใจเฉิบอย่างไรล่ะค่ะ
 
 
วันก่อนผมได้มาอ่านข่าวเกี่ยวกับ สามี-ภรรยาชาวจีนที่อยู่กินกันมากว่า 90 ปี โอ้โห ! ทำไมนานขนาดนี้ แตกต่างจากดาราที่เป็นข่าวเหลือเกิน ฝ่ายชายเป็นคุณตาทวดอายุ 109 ปี ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคุณยายทวดอายุ 106 ปี ผมจึงอยากขอนำรูปจาก นสพ.ที่ผมได้อ่านมาแบ่งปัน ให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความจงรักภักดีและยึดมั่นในความรักที่มีต่อกัน อย่างน่าชื่นชม และควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อการใช้ชีวิตคู่จริงๆ ครับ...     
.
ทุกวันคุณยายทวดจะทำหน้าที่เป็นแม่บ้านทำอาหารให้คุณตาทวด ผู้หญิงที่ดีต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก ถ้ามีตรงส่วนนี้บ้าง แล้วสามีจะหนีไปไหนได้...
แต่ชีวิตคู่สมัยใหม่มักไม่ค่อยมีกิจกรรมทำอาหารกินกัน ส่วนมากจะทานตามร้านอาหารหรือซื้อใส่ถุงพลาสติก ทำให้ความสัมพันธ์จึงแตกต่างจากชีวิตคู่ในอดีต
.
"อยู่กันจนหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ก็แยกทางกันแล้ว" สุภาษิตคำนี้เป็นการเปรียบเทียบการใช้ชีวิตคู่ ที่อยู่กินกันไม่นานก็เลิกกันแล้ว แต่คุณยายทวดใช้หม้อหุงข้าวและทำอาหารให้คุณตาทวดมานานจึงมีสภาพอย่างที่เห็น 
แต่หนุ่มสาวปัจจุบันคงใช้แต่หม้อหุงข้าวไฟฟ้ากันหมดแล้ว เลยไม่ได้เห็นหม้อหุงข้าวดำ ทำให้ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ และอดทนการใช้ชีวิตคู่ 
.
นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิง ในภาพคุณยายทวดยิ้มหวานไหมครับ?
แต่หนุ่มสาวสมัยนี้ มักยิ้มแย้มกันช่วงวันที่คบกันใหม่ๆ เห็นอีกฝ่ายดีทุกอย่าง ใส่หน้ากากเข้าหากัน และแต่ละฝ่ายก็พยายามปกปิดสิ่งที่ไม่ดีไม่ให้อีกฝ่ายรู้ จวบจนกระทั่งแต่งงานและอยู่กินกันแล้ว ปรากฎว่าสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ก็แสดงออกมาจนอีกฝ่ายรับไม่ได้ก็ต้องแยกย้ายกันไป  
.
คุณตาทวดและยายทวด ยังจับมือกันอย่างอบอุ่น น่าอิจฉาจังครับ...
หนุ่มสาวสมัยใหม่มักจับมือกันในช่วงแรกๆ ก่อนแต่งงานเท่านั้น แต่หลังจากนั้น ตัวใครตัวมัน ทำให้ชีวิตคู่ก็อยู่ได้ไม่นาน ผมก็แปลกใจว่า ทำไมสามีภรรยาคนไทยมักไม่ค่อยจับมือกันเลย ?  
.
ถ้าผู้อาวุโสของครอบครัวมีความรักให้กับลูกหลาน ความสุขก็จะเกิดขึ้นไปทั่วทั้งวงศ์ตระกูล คุณตาทวดกำลังอุ้มหลานรุ่นที่ 5 แล้ว
.

Amezon

comment