คะน้า
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ Brassica alboglabra
วงศ์ Craciterae
ชื่อสามัญ KALE |
|
ลักษณะ :
ผักคะน้าเป็นผักอายุ 2 ปี แต่ปลูกเป็นผักฤดูเดียว อายุตั้งแต่หว่านจนถึงเก็บเกี่ยว ประมาณ 45-55 วัน ผักคะน้าสามารถปลูก ได้ตลอดปี แต่เวลาที่ปลูกได้ผลดีที่สุดอยู่ ในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน คะน้าสามารถขึ้นได้ในดิน แทบทุกชนิดที่มี ความอุดมสมบูรณ์สูง มีความเป็นกรดด่าง ของดินอยู่ระหว่าง 5.5-6.8 และมีความชื้นในดินสูงสม่ำเสมอ |
|
ประโยชน์ :
คะน้ามีวิตามินหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน 186.92 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของเรามีความแข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังพบแคลเซี่ยมช่วยเสริมสร้างกระดูก แต่หากบริโภคมากเกินไปจะทำให้ท้องอืด เนื่องจากมีกอยโตรเจน (goitrogen)ในคะน้า |
|
คุณค่าทางอาหาร :
คะน้าเป็นพืชผักชนิดหนึ่ง ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ธาตุอาหารพืชของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริการายงานว่าในปริมาณ 100 กรัม ผักคะน้ามีน้ำ 83%, พลังงาน 53 แคลลอรี่, โปรตีน 6.0 กรัม, ไขมัน 0.8 กรัม, คาร์โบไฮเดรท 9.0 กรัม, แคลเซี่ยม 249 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 93 มิลลิกรัม, เหล็ก 2.7 มิลลิกรัม, โซเดี่ยม 75 มิลลิกรัม, โปแตสเซี่ยม 378 มิลลิกรัม, วิตามิน 10,000 ไอ.ยู, ไธอะมิน 0.16 มิลลิกรัม, ไรโบฟลาริน 0.26 มิลลิกรัม, ไนอะซีน 2.1 มิลลิกรัม และกรดแอสคอบิค 186 กรัม |
|
สรรพคุณ :
ผักคะน้ายังมีวิตามินซีช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคมีความแข็งแรงสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีแคลเซี่ยมช่วยเสริมสร้างกระดูกช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่กระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
|
|
|
|
|
|
|
|