วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

how to keep left over papaya to make thai salad: วิธีนำมะละกอจากไทยไปยุโรป

 

มะละกอๆๆ  

     อยากกินส้มตำๆๆๆ...แต่ทำไมมะละกอมันถึงได้แพงตับแตกอย่างนี้เนี่ยยย ซื้อมะละกอที่นี่ลูกเดียว ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว ซื้อได้ประมาณสามเข่ง ถ้าไม่ลงแดงจริงๆก็ไม่อยากแตะอ่ะ เพื่อนๆมีอาการเดียวกับสาวนุ้ยกันบ้างมั๊ยค่ะ แต่วันนี้สาวนุ้ยมีเคล็ดลับดีๆในการกินส้มตำให้ถูกลงมาฝากกันค่ะ พอดีว่าไปอ่านเจอพี่คนนึงในเวป "เลดี้ อินเตอร์" โพสต์วิธีนำมะละกอและรวมทั้งเครื่องครัวอื่นๆมาเองจากเมืองไทยสำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวจะไปต่างประเทศค่ะ

 สงสัยละสิว่าพี่เค้าจะขนมายังไง อิอิ งั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าเค้ามีเคล็ดลับยังไง


....................................

   - มะละกอ เริ่มจากนำไปสับแล้วตากแดด ประมาณสัก 3-4 แดด ให้แห้งสนิท
เวลาจะตำค่อยนำไปแช่น้ำ พอแช่น้ำเส้นมะละกอก็จะดูเหมือนเราเพิ่งสับเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าจะให้กรอบอีกนิดหลังจากมะละกอพองตัวแล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นอีกซักครู่คะ

 

...นี่คือหน้าตามะละกอที่ผ่านการตากแห้งมาเรียบร้อยแล้วค่ะ...


...นำไปแช่น้ำซะหน่อย...


 

...แช่น้ำซักครู่จากเส้นแห้งๆ ก็เริ่มดูคล้ายๆเส้นมะละกอ...


 

...เป็นไงค่ะ หน้าตา ผ่านมั๊ย...





  • ตะไคร้   หั่นฝอยตากแห้ง

  • กระชาย ตากแห้ง

  • ข่า    หั่น ตากแห้ง

  • ใบมะกรูด  กระเพรา  โหระพา    ตากแห้ง

      สรุป   อะไรที่เป็นเครื่องครัว เราสามารถเอาไปตากแดดให้แห้ง ทำให้มีน้ำหนักเบา ไม่เปลื้องน้ำหนักกระเป๋า และเก็บได้นาน  

 ปลาเค็มอินทรีย์  ถ้าทอดที่ต่างประเทศกลิ่นหอมกระจุยกระจายแน่นอน ไม่เหมาะสำหรับบ้านใกล้เรื่องเคียง อันนี้ของโปรด 

จะทำอย่างไร ? ให้ทอดหรือย่างจากเมืองไทยค่ะ เวลาแพ็กให้ใส่น้ำมันที่ทอดใส่ไปนิ๊ดหน่อย ล่อไว้ไม่ให้แห้ง  แล้วแพ็คให้ดี หลายๆชั้น ไม่ให้กลิ่นออก พอไปอยู่เมืองนอก เวลาจะกินเอาออกมาตากไว้  แค่นี้ก็กินปลาเค็มไม่ให้รบกวนคนข้างบ้านแล้วค่ะ


ถ้าใครมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย นอกเหนือจากนี้ เอามาแบ่งปันกันนะค่ะ (ทิ้งไว้กล่องคอมเม้นด้านล่างเลยค่ะ)  เพื่อให้เป็นความรู้กับอีกหลายๆคน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Amezon

comment