แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดลับคู่ครัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดลับคู่ครัว แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีเคี่ยวน้ำตาลสำหรับฉาบ








เคล็ดลับวิธีเคี่ยวน้ำตาลสำหรับฉาบ


 การที่เราจะทำ กล้วยฉาบ,มันฉาบ,เผือกฉาบให้อร่อยเคล็ดลับนั้นอยู่ที่การเคี่ยวน้ำตาลให้ได้ที่ ถึงจะฉาบสวยน้ำตาลติดผิวดี วิธีทำคือ เคี่ยวน้ำตาลปี๊บผสมน้ำและแบะแซใช้ไฟกลาง เคี่ยวจนเดือดเป็นฟองใหญ่และมีความหนืด วิธีทดสอบว่าน้ำตาลที่เคี่ยวได้ที่หรือยังด้วยการหยดน้ำตาลที่เคี่ยวลงในถ้วยน้ำ ตัวน้ำตาลก็จะแข็งใสทันที ถ้าเป็นลักษณะนี้ถือว่าน้ำตาลได้ที่แล้วล่ะค่ะ ลงทำดูนะคะรับรองว่าอร่อยและน่าทานเหมือนมืออาชีพเลยนะคะ



วิธีทำความสะอาดขวดแก้วที่เป็นคราบ









วิธีทำความสะอาดขวดแก้วที่เป็นคราบ


ขวดแก้วที่เราใช้กันอยู่มักจะเกิดปัญหาเรื่องคราบที่ล้างยาก ที่สำคัญคือทำความสะอาดแสนจะลำบาก ต่อไปไม่ต้องกังวลแล้วล่ะค่ะ วิธีง่ายๆคือเอาเปลือกไข่ใส่เข้าไปในขวด จากนั้นก็เขย่าๆและก็เขย่าซักพักนะคะ จากนั้นก็นำไปล้างตามปกติคุณก็จะได้ขวดที่สะอาดดังเดิมไม่มีคราบแล้วล่ะค่ะ เปลือกไข่เมี่เราเขย่าจะแตกละเอียดและมีความแหลมคม เมื่อเขย่าในขวดก็จะเสียดสีกับคราบในขวดหรือโหล ทำให้คราบต่างๆหลุดออกง่ายดายเชียวค่ะ อย่าลืมไปลองทำดูนะคะ




วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลวกเส้นสปาเกตตี้ให้ทานอร่อย


 

     การลวกเส้นสปาเกตตี้นี่จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะบางครั้งหากลวกไม่พอดี เส้นก็อาจจะเละไป หรือไม่ก็แข็งไป รายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี่มองข้ามไม่ได้นะคะ เพราะสปาเกตตี้จะอร่อยหรือไม่อร่อยส่วนนึงก็อยู่ที่เส้นนี่แหละค่ะ จะลวกเส้นสปาเกตตี้ให้อร่อยเริ่มจาก ต้องใส่เกลือเล็กน้อยลงไปในน้ำที่จะใช้ลวก พอน้ำเดือดก็ใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไป ต้มจนเส้นอ่อนตัว ลองตักเส้นขึ้นมาชิม สังเกตว่ายังกรุบๆอยู่ตรงกลางเล็กน้อยก็แสดงว่าใช้ได้ยกหม้อขึ้น ช้อนเส้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำอีกครั้ง เคล้าด้วยน้ำมันเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ นำไปปรุงรสต่อได้ค่ะ


ยีสต์

 

** ยีสต์ **




_ 
 
 



เรื่องของยีสต์แห้งกับยีสต์สดและวิธีการใช้

     ยีสต์ หรือ ส่าเหล้า (yeast) คือ รากลุ่มหนึ่งที่ส่วนใหญ่เป็นเซลล์เดี่ยว มีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปร่างกลม รี สามเหลี่ยม รูปร่างแบบมะนาว ฝรั่ง เป็นต้น ส่วนใหญ่มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยวิธีการแตกหน่อ พบทั่วไปในธรรมชาติในดิน ในน้ำ ในส่วนต่างๆ ของพืช ยีสต์บางชนิดพบอยู่กับแมลง และในกระเพาะของสัตว์บางชนิด แต่แหล่งที่พบยีสต์อยู่บ่อยๆ คือแหล่งที่มีน้ำตาลความเข้มข้นสูง เช่น น้ำผลไม้ที่มีรสหวาน ยีสต์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มักจะปนลงไปในอาหาร เป็นเหตุให้อาหารเน่าเสียได้
     ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณถึงกับมีผู้กล่าวว่า ยีสต์เป็นจุลินทรีย์ชนิดแรกที่มนุษย์นำมาใช้ รายงานแรกเกี่ยวกับการใช้ยีสต์ คือการผลิตเบียร์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Boozah เมื่อประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช คนไทยรู้จักใช้ประโยชน์จากยีสต์มาเป็นเวลานาน เช่นในการทำอาหารหมักบางชนิด ได้แก่ ข้าวหมาก ปลาแจ่ว เครื่องดองของเมาหลายชนิดเช่น อุ สาโท และกระแช่ เป็นต้น ปัจจุบันมีการนำยีสต์มาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เป็นต้นว่าการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชนิดต่างๆเช่น เบียร์ ไวน์ และวิสกี้ การผลิตเอธิลแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นสารเคมี และเชื้อเพลิง การผลิตเซลล์ยีสต์ เพื่อใช้เป็นยีสต์ขนมปังและเป็นโปรตีนเซลล์เดียว





     ยีสต์ มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และแอลกอฮอล์ได้ โดยหลักการทำงานของยีสต์ หรือ "เบเกอร์ ยีสต์" (Baker yeast) ที่ใส่ให้ขนมปังฟู เนื่องมาจากยีสต์ที่ใส่ลงไปมีการใช้น้ำตาลในแป้งขนมปัง หรือที่เรียกกันว่า "โด" (dough) เป็นอาหาร และระหว่างที่มันกินอาหารมันก็จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป และหายใจเอาคาร์บอนไดออกไซต์ออกมา และเมื่อเราเอาแป้งไปอบ ก๊าซที่มันคายออกมาก็ผุดขึ้นมาระหว่างเนื้อขนมปังทำให้เกิดรูพรุนจนฟูขึ้นมา1
ยีสต์ที่ใช้ในการทำอาหาร (Yeast food) ซึ่งเรียกกันว่า Baker’s Yeast หรือ Brewer’s Yeast


ในที่นี้จะพูดถึงยีสต์ในวงการขนม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด


   


     1). Fresh Yeast หรืออาจพบฉลากเขียนว่า Compressed Yeast เป็นยีสต์ที่ใกล้เคียงยีสต์ในธรรมชาติมากที่สุด ลักษณะที่ขายตามท้องตลาดจะอยู่ในรูปก้อน ขนาดประมาณเนยจืดที่ขายตามท้องตลาด คือประมาณ 227g หรือ 8 ออนซ์ อีกขนาดที่อาจมีให้เห็นในซูเปอร์มาร์เก็ตที่อเมริกา คือ ขนาดเล็กอยู่ในแพ็กเกจ 1 ช้อนโต๊ะ ขายในซูเปอร์ฯ เพื่อสุขภาพที่ชื่อ Whole Food Market ลักษณะของยีสต์สด จะคล้ายก็เนยจืดเลย คือเนื้อสีเทาๆ อมน้ำตาลอ่อนๆ ที่ดูเป็นครีมๆ อัดเป็นก้อนแน่น (บางคนก็เลยเรียก Cake Yeast) แต่เมื่อใช้มือบี้ดู ยีสต์จะร่วนแตกมาเป็น crumb หรืออีกแบบคือจะเติมพวกสารเสริมคุณภาพเพื่อช่วยยืดอายุของยีสต์ ยีสต์จะไม่ร่วน แต่กลับยืดคล้ายๆ กับกาว อายุของยีสต์สดจะขึ้นอยู่กับสภาพการเก็บ หากเก็บในตู้เย็น จะอยู่ที่ประมาณ 36 อาทิตย์ หากอยู่ในช่องแช่แข็งอาจได้นานเป็นครึ่งปีเลยทีเดียว ยีสต์จะเสียนั้น ดูได้ง่ายๆ ก็คือ จะแห้งที่ด้านนอก อาจจะมีราขึ้นที่ผิว อย่างนี้ทิ้งได้เลย

     เวลานำยีสต์สดมาทำขนมปัง แนะนำให้บี้ละลายยีสต์สดกับของเหลวจำพวกนมหรือนำในสูตรจะดี เพื่อการกระจายตัว ยีสต์สดมักจะให้กลิ่นขนมปังที่หอม กลิ่นยีสต์ไม่แรง เชฟดังๆ จะชอบ เพราะควบคุมรสชาติต่างๆ ได้ดี ที่สำคัญ คือ ทำให้ขนมปังดูมีราคาน่าซื้อมารับประทาน แต่ในกรุงเทพฯ นั้นหาซื้อได้ยาก ไม่มีขายตามซูเปอร์ฯ ทั่วไป




     2). ยีสต์แห้ง คือยีสต์ที่ผ่านการทำแห้งด้วยความเย็นและความดัน ทำให้ยีสต์ไม่ตายแต่เข้าไปในสภาพจำศีล เวลาจะปลุกให้ตื่น ก็เพียงแค่ให้น้ำ อาหารจำพวกแป้ง และอุณหภูมิอบอุ่น เพียงแค่นี้ยีสต์ก็กลับมา “แอ็กทีฟ” แล้ว ยีสต์แห้งจะแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ Active Dried Yeast และ Instant Dried Yeast ซึ่งดูด้วยตาภายนอกจะคล้ายกันมาก คือเหมือนแคปซูลขนาดเล็ก ข้อดีของยีสต์แห้งโดยรวมก็คือ เก็บรักษาได้ง่าย ไม่ต้องเก็บในตู้เย็นก็ได้ (ถ้าเก็บจะดี เพราะยืดอายุ) หาซื้อได้ง่าย อยู่ตามแผนกที่ขายพวกแป้ง และของแห้งสำหรับทำขนม มักจะอยู่ในรูปของถุงสุญญากาศขนาดประมาณ 250g หรือมีขนาดซองละ 11g

      Active Dried Yeast ถูกคิดค้นขึ้นมาก่อน และ granule หรือแคปซูลยีสต์จิ๋วๆ นั้นจะใหญ่กว่าแบบ Instant เล็กน้อย ด้วยขนาดที่ใหญ่นี้เองเวลานำมาใช้ แนะนำให้คนให้ละลายกับน้ำอุ่นๆ เสียก่อน เพื่อให้ยีสต์กระจายตัวและละลายไม่เป็นเม็ดๆ ในแป้งโดขนมปัง ยีสต์ชนิดนี้จะใช้ยากหน่อยอุณหภูมิมากไป หรือน้อยไปก็จะไม่โต
     3). Instant Yeast นั้นใช้ง่ายกว่า Active Dried Yeast ตรงที่สามารถเติมลงไปได้โดยตรงกับแป้ง ขนาดกรานูลที่เล็กและพัฒนามาอีกขั้นหนึ่งแล้วนั้น ทำให้ละลายได้ง่ายแม้แอบแฝงตัวอยู่ในแป้ง เรียกว่าเมื่อแป้งชื้นขึ้นก็พร้อมจะทำงานได้ทันที ที่สำคัญยังไม่อ่อนแอ หากของเหลวอย่างน้ำหรือนมที่คุณอุ่นไว้นั้น อุ่นเกินไปสักนิดยีสตฺขนิดนี้ก็ยังทนไหว


**************




สัดส่วนในการใช้
     
     หากในสูตรของคุณใช้ยีสต์สดน้ำหนักเท่าไหร จะเปลี่ยนเป็นยีสต์แบบ Active Dried คุณก็เพียงแค่เอาน้ำหนักมา “หารสอง” แต่หากจะเปลี่ยนเป็น Instant Dried คุณก็ต้องหารด้วย 2.5 หรือ 3 อันนี้แล้วแต่ยี่ห้อด้วย ไม่แน่นอน แต่ใช้ว่าขนมปังทุกแบบจะใช้วิธีนี้ได้ แต่ขนมปังบางชนิดก็ไม่เหมาะกับยีสต์แห้ง เช่น Brioche Panettone หรือ Danish ก็ไม่เวิร์ก เพราะโดของขนมปังพวกนี้มีน้ำตาลเยอะ ยีสต์แห้งอาจจะ overgrowth ทำให้ขนมปังขึ้นได้ไม่ดี กลิ่นยีสต์และแอลกอฮอล์จะรุนแรงเกินไป


     หากคุณเก็บยีสต์ไว้นาน แล้วอยากทดสอบว่ายีสต์ใช้ได้หรือไม่ เพียงแค่เติมน้ำลงในยีสต์ โรยแป้งหรือน้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อย ถ้ายีสต์ยังไม่ตาย มันจะค่อยๆ ฟูขึ้น เห็นเป็นฟองอากาศผุดขึ้น แต่หากยีสต์ตาย มันแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้นเลย
ทีนี้ก็มาถึงประโยชน์อื่นๆ ของยีสต์ ด้วยตัวมันเองนั้นยีสต์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายๆ กับสัตว์ ในเซลล์ของยีสต์มีโปรตีนที่จัดว่าสูง มีอยู่สมัยหนึ่งคนที่เคร่งเรื่องสุขภาพมากๆ และพวกมังสวิรัติ จึงนิยมรับประทาน Yeast Extract หรือ Brewer’s Yeast ที่ขายกันเป็นเม็ดๆ หรือเป็นผงๆ กัน เชื่อกันว่ายีสต์มีกรดอะมิโนจำเป็นอยู่มาก เต็มไปด้วยวิตามิน BComplex นี่คงเป็นสาเหตุให้เครื่องสำอางและพวกอาหารเสริมนำยีสต์มาใช้

     นอกจากยีสต์ที่เราว่ากันไปแล้วนั้น ที่ออสเตรเลีย ยังมียีสต์แบบทาขนมปังที่เรียกว่า Vegemite หรือ Marmite พวกนี้ได้จากการหมักยีสต์สกัดเข้มข้นกับเกลือ พอยีสต์ย่อยตัวเองแล้วจะได้สารที่ให้โปรตีนสูง และมีรสชาติเฉพาะตัว จนนักวิทยาศาสตร์อาหารนำไปพัฒนาเป็นสารแต่งกลิ่นรสให้พวกป๊อปคอร์น เลยมาถึงเป็นผงชูรส จากความที่ยีสต์มีกรดอะมิโนตัวเดียวกัน ซึ่งก็คือ Glutamic Acid


active dried yeast 1 ซอง = 1/4 oz = 7 กรัม = 2 1/4 ช้อนชา หรือ 11 ml

ยีสต์สด 1 ช้อนโต๊ะ = active dried yeast 1 1/2 (7.5ml)

active dried yeast 1 oz (30 g) = ยีสต์สด 2 oz (55 g)

active dried yeast 2 ช้อนโต๊ะ (30ml) = ยีสต์สด 4 ช้อนโต๊ะ (60 ml)

active dried yeast 1 ห่อ = ยีสต์สด 1/2 oz (15 g)





วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

how to keep left over papaya to make thai salad: วิธีนำมะละกอจากไทยไปยุโรป

 

มะละกอๆๆ  

     อยากกินส้มตำๆๆๆ...แต่ทำไมมะละกอมันถึงได้แพงตับแตกอย่างนี้เนี่ยยย ซื้อมะละกอที่นี่ลูกเดียว ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้ว ซื้อได้ประมาณสามเข่ง ถ้าไม่ลงแดงจริงๆก็ไม่อยากแตะอ่ะ เพื่อนๆมีอาการเดียวกับสาวนุ้ยกันบ้างมั๊ยค่ะ แต่วันนี้สาวนุ้ยมีเคล็ดลับดีๆในการกินส้มตำให้ถูกลงมาฝากกันค่ะ พอดีว่าไปอ่านเจอพี่คนนึงในเวป "เลดี้ อินเตอร์" โพสต์วิธีนำมะละกอและรวมทั้งเครื่องครัวอื่นๆมาเองจากเมืองไทยสำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวจะไปต่างประเทศค่ะ

 สงสัยละสิว่าพี่เค้าจะขนมายังไง อิอิ งั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าเค้ามีเคล็ดลับยังไง


....................................

   - มะละกอ เริ่มจากนำไปสับแล้วตากแดด ประมาณสัก 3-4 แดด ให้แห้งสนิท
เวลาจะตำค่อยนำไปแช่น้ำ พอแช่น้ำเส้นมะละกอก็จะดูเหมือนเราเพิ่งสับเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าจะให้กรอบอีกนิดหลังจากมะละกอพองตัวแล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นอีกซักครู่คะ

 

...นี่คือหน้าตามะละกอที่ผ่านการตากแห้งมาเรียบร้อยแล้วค่ะ...


...นำไปแช่น้ำซะหน่อย...


 

...แช่น้ำซักครู่จากเส้นแห้งๆ ก็เริ่มดูคล้ายๆเส้นมะละกอ...


 

...เป็นไงค่ะ หน้าตา ผ่านมั๊ย...





  • ตะไคร้   หั่นฝอยตากแห้ง

  • กระชาย ตากแห้ง

  • ข่า    หั่น ตากแห้ง

  • ใบมะกรูด  กระเพรา  โหระพา    ตากแห้ง

      สรุป   อะไรที่เป็นเครื่องครัว เราสามารถเอาไปตากแดดให้แห้ง ทำให้มีน้ำหนักเบา ไม่เปลื้องน้ำหนักกระเป๋า และเก็บได้นาน  

 ปลาเค็มอินทรีย์  ถ้าทอดที่ต่างประเทศกลิ่นหอมกระจุยกระจายแน่นอน ไม่เหมาะสำหรับบ้านใกล้เรื่องเคียง อันนี้ของโปรด 

จะทำอย่างไร ? ให้ทอดหรือย่างจากเมืองไทยค่ะ เวลาแพ็กให้ใส่น้ำมันที่ทอดใส่ไปนิ๊ดหน่อย ล่อไว้ไม่ให้แห้ง  แล้วแพ็คให้ดี หลายๆชั้น ไม่ให้กลิ่นออก พอไปอยู่เมืองนอก เวลาจะกินเอาออกมาตากไว้  แค่นี้ก็กินปลาเค็มไม่ให้รบกวนคนข้างบ้านแล้วค่ะ


ถ้าใครมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย นอกเหนือจากนี้ เอามาแบ่งปันกันนะค่ะ (ทิ้งไว้กล่องคอมเม้นด้านล่างเลยค่ะ)  เพื่อให้เป็นความรู้กับอีกหลายๆคน ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ




วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

การเลือกซื้อปู

การเลือกซื้อปู



ปัญหาหนักใจของคุณแม่บ้าน คุณพ่อบ้าน นั่นคือการเลือกซื้ออาหารสด เพราะจะได้ทั้งความสด อร่อย รสชาติของอาหาร วันนี้มีวิธีการเลือกซื้อปูมาแนะนำให้คุณแม่บ้าน คุณพ่อบ้านได้ทราบกันว่าทจะมีวิธีเลือกซื้่อปูสดๆ ได้อย่างไร 


   การเลือกซื้อปูในทั่วไปนั้นเคล็ดลับจริง ๆ ก็คือจะใช้วิธีดูที่คล้าย ๆ กันอยู่หนึ่งจุด นั่นคือวิธีการดูว่าปูสดอยู่หรือไม่นั่นเองค่ะ ส่วน การเลือกซื้อปู ชนิดอื่น ๆ ก็อาจจะมีข้อแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในเรื่องของชนิดปูและประเภทของปูเท่านั้นค่ะ และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับ การเลือกซื้อปู มาฝากให้คุณพ่อบ้านแม่บ้านที่กำลังจะนำปูมารับประทานได้ทำการเลือกซื้อปูที่สด เนื้อแน่น และปูไข่ และปูไม่ไข่ค่ะ นั้นมาดู เคล็ดลับการเลือกซื้อปู กันเลยดีกว่าค่ะ 


   วิธีดูว่าเป็นปูตัวผู้หรือปูตัวเมียให้สังเกตุดูใต้ท้องของปูหรือหน้าอกของปูนั่นเองค่ะ จะมีบางส่วนของปูที่คล้ายกับสามเหลี่ยมที่สามารถเปิดปิดได้นั่นเองค่ะ ถ้าเป็นปูตัวผู้สามเหลี่ยมใต้ท้องจะดูแคบและยาว ถ้าเป็นปูตัวเมียสามเหลี่ยมใต้ท้องจะออกกลม ๆ และกว้างกว่าปูตัวผู้ค่ะ ปูตัวผู้จะมีเนื้อเยอะกว่าปูตัวเมีย ส่วนปูตัวมีจะมีไข่และปูตัวผู้ไม่มีไข่ค่ะ

 

วิธีเลือกปูสด

1. การดูว่าปูนั้นเป็นหรือว่าตายแล้วให้ลองสังเกตุตรงลูกกระตาของปูและลองแหย่ตรงตาปูดูค่ะ หากว่ายังกระดุกกระดิ๊กอยู่แสดงว่ายังเป็น ๆ อยู่เลยค่ะ 

2. วิธีเลือกปูสดนั้นหากว่าคุณต้องการความสดมากให้เลือกปูที่ยังเป็น ๆ อยู่ (แต่หากไม่อยากฆ่าสัตว์ให้เลือกข้อต่อไปค่ะ)

3. สำหรับปูสดที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดนั้นวิธีเลือกปูสดก็คือ เลือกที่ดวงตาใส ๆ ดมแล้วไม่กลิ่นเหม็น และเลือกปูที่มีน้ำหนักมาก ๆ เพราะว่าเนื้อปูจะเยอะและแน่น หากว่าเลือกปูที่ไม่ค่อยมีน้ำหนักก็แน่นอนว่าปูตัวนั้นจะไม่ค่อยมีเนื้อค่ะ ต่อมาให้ลองกดตรงกลางหน้าอกของปูหรือตรงมุมสามเหลี่ยมแหลม ๆ ของตัวปูนั่นแหละค่ะ หากว่ายุบหรือบุ๋มล่ะก็แสดงว่าปูนี้ไม่สด หากว่านิ่มไม่มีกลิ่นแสดงว่าปูนั่นเพิ่งลอกคราบ แต่หากว่านิ่มมีกลิ่นแสดงว่าปูนั้นเน่าค่ะ

4. วิธีการดูว่าปูไข่หรือไม่ไข่ ก่อนอื่นก็ต้องเลือกปูตัวเมียก่อนนะค่ะ จากนั้นลองใช้นิ้วดีดไปที่กระดองจะมีเสียงออกแน่น ๆ ทึบ ๆ แสดงว่าปูมีไข่ หากว่ามีเสียงแบบกลวง ๆ แสดงว่า ปูไม่มีไข่ค่ะ 



เข้าชม : 543 ครั้ง
ที่มา : n3k.in.th


วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

วิธีต้มผักให้สีสวย น่ารับประทาน



วิธีต้มผักให้สีสวย น่ารับประทาน 



     

     ผักต้ม กินกับน้ำพริกต่างๆ เมนูอาหารไทย ประจำบ้าน มาแต่ยุคโบราณ และน้ำพริกนี้ถือได้ว่าเป็นสำรับเอก ที่ใช้ในการรับแขก ซึ่งหากผักที่ใช้กินค ู่กับน้ำพริกนั้นมีสีสันไม่น่ากิน ก็จะทำให้ เจ้าบ้านเกิดความอับอายได้ มาจนถึงยุคปัจจะบัน ที่เมนูอาหารสุขภาพ กำลังเป็นที่นิยม หากผักต้มแล้วสีหมองคล้ำ ก็จะทำให้ความน่ารับประทาน ลดลงไป 


   

     วิธีที่จะทำให้ผักต้มมีสีสวยงาม คือ นำน้ำสะอาดใส่ในหม้อ กะดูให้ดี ว่าพอใส่ผักลงต้ม แล้วน้ำจะพอท่วมผักได้ ใส่เกลือป่นลงในน้ำ สำหรับต้มผักสีเขียว ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย จะทำให้ผักมีผิวมันน่ากินยิ่งขึ้น พอน้ำเดือดค่อยใส่ผักลงต้ม กดผักให้จมน้ำ พอผักสุกช้อนขึ้นจากน้ำ ใส่ในน้ำเย็น จากนั้นจึงสะเด็ดน้ำ และจัดใส่จาน 

 
      ส่วนผักสีขาว เช่น หัวไชเท้า ถ้าอยากให้ผักมีสีขาวสวย ให้ใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำที่ต้ม ผักจะมีสีขาวสวย ไม่ยากเลยค่ะ สำหรับการต้มผักให้ดูน่ารับประทาน 








ทำอย่างไรผักแช่เย็นจะดูสดใหม่





ทำอย่างไรผักแช่เย็นจะดูสดใหม่


การเก็บผักไว้ในตู้เย็น อาจทำให้ผักดูไม่สด ไม่น่ารับประทาน วิธีง่ายๆ ที่จะคืนความสดให้กับผักทำได้โดยการเตรียมภาชนะใส่น้ำให้มีขนาดพอ
เหมาะที่จะแช่ผัก
จากนั้นตัดก้านผักออกบางส่วนโดยต้องตัดใต้ผิวน้ำทั้งนี้เพื่อไม่ให้
อากาศเข้าไปอุดตันทางเดินของน้ำ จากนั้นแช่ผักทิ้งไว้ในน้ำเย็นสักพัก
ผักจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง น่ารับประทาน








Amezon

comment