แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของหวานไทยๆ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของหวานไทยๆ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

ทับทิมกรอบ




ทับทิมกรอบ
ส่วนผสม
* แห้ว 800 กรัม (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 500 กรัม
* ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ
1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ
4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ

ข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง





ข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง
ส่วนผสม
* กุ้งสด                       100 กรัม
* มะพร้าวขาวขูดฝอย        80 กรัม
* รากผักชีหั่นฝอย            1 ช้อนโต๊ะ
* พริกไทยเม็ด               1/2 ช้อนชา
* เกลือป่น                    1/4 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย                50 กรัม
* ใบมะกรูด 5 ใบ (ซอยละเอียดเป็นเส้นๆ)
* สีผสมอาหารสีส้ม

วิธีทำ
1. ทำความสะอาดกุ้ง ปอกเปลือกออก ผ่าหลังและเอาเส้นสีดำออก จากนั้นจึงนำไปสับพอหยาบ
2. นำรากผักชีกับพริกไทยไปโขลกให้ละเอียด
3. ผสมมะพร้าวขูดขาวกับสีผสมอาหาร (2-3 หยดก็พอ) คลุกให้สีผสมกันทั่วกับมะพร้าว
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ใส่รากผักชี+พริกไทยที่โขลกเตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง ลงไปผัดจนหอม
    จากนั้นจึงใส่กุ้งสับ, น้ำตาลทรายและ เกลือลงไปผัดต่อ ผัดจนกุ้งสุกและน้ำตาลละลายดี จึงปิดไฟ
5. เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวมูนใส่จาน เติมหน้ากุ้งลงไปบนข้าวเหนียวมูนและโรยหน้าด้วยใบมะกรูดฝอย

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ขนมปุยฝ้าย




ขนมปุยฝ้าย
ส่วนผสม
  1. ไข่ไก่ 3 ฟอง
  2. น้ำตาลทรายละเอียด 1 ถ้วย
  3. น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  4. น้ำเปล่า 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  5. วานิลา 1 ช้อนชา
  6. แป้งสาลี (แป้งสำหรับ ทำ เค้ก) ร่อนแล้ว 1 1/2 ถ้วย
วิธีการทำ
  1. ตีไข่ให้ขึ้นฟูจนตั้งยอดอ่อนเสียก่อน แล้วค่อย ๆ เติมน้ำตาล ทีละน้อย จนหมด แล้วตีต่อไปจนตั้งยอดอีกครั้ง
  2. ผสมน้ำมะนาว น้ำเปล่าและวนิลาเข้าด้วยกัน แล้วผสมลงใน ไข่สลับกับแป้ง
  3. เคล้าแป้งลงในไข่อย่างเบามือ ควรแบ่งเป็น 3 ส่วน ใส่ลงใน ไข่ทีละส่วนเมื่อเคล้า ส่วนที่ 1 เข้ากันแล้ว เติมน้ำที่ผสมไว้ ลงครึ่งหนึ่ง เคล้าแล้วใส่แป้งส่วนที่ 2 เคล้าใส่น้ำที่เหลือ เคล้า แล้วจึงใส่แป้งส่วนที่ 3
  4. ตักหยอดลงในถ้วยกระดาษที่รองรับด้วยถ้วยตะไล หรือพิมพ์ ขนมเล็ก ๆ ขนาดเดียวกับถ้วยกระดาษ นำขึ้นนึ่งบนไฟแรงทันที เมื่อนึ่งได้ 3 นาที หรี่ไฟให้อ่อนลงมาก ๆ นึ่งต่ออีก 12 นาที


ตะโก้แห้ว





ตะโก้แห้ว
ส่วนผสมของตัวขน
แป้งข้าวเจ้า1     ถ้วย
แป้งถั่วเขียว1     ช้อนชา
แห้วจีนหั่นชิ้นเล็ก1     ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว1  1/2     ถ้วย
น้ำปูนใส1/2     ถ้วย
น้ำใบเตยหอม1/2     ถ้วย
น้ำกลิ่นมะลิ1  1/2     ถ้วย
กระทงใบเตย     
ส่วนผสมหน้าขนม
แป้งข้าวเจ้า1/4     ถ้วย
แป้งถั่วเขียว2     ช้อนโต๊ะ
กะทิ2     ถ้วย
เกลือป่น1  1/4     ช้อนชา
วิธีทำ
1.  ทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียว น้ำตาล น้ำปูนใส น้ำใบเตย น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกัน กวนไฟกลาง
2.  พอข้นใส่แห้วจีน กวนต่ออีกสักครู่ให้พออยู่ตัวเมื่อเย็นแล้ว (ทดลองโดยการตักใส่ถ้วยเล็กลอยน้ำ)
3.  ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงใบเตยครึ่งกระทง
4.  ทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียว กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกัน กวนจนข้นพอดี ระวังอย่าให้ข้นมาก เพราะจะทำให้หยอดหน้าไม่เรียบ
5.  ตักหยอดบนตัวตะโก้ให้เต็มกระทง






ขนมหม้อแกงเผือก





ขนมหม้อแกงเผือก

ส่วนผสม
ไข่เป็ด (4 ฟอง)1     ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว500     กรัม
เผือกนึ่งสุกบดละเอียด1/2     ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า2     ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ3/4     ถ้วย
วิธีทำ
1.  คั้นมะพร้าว โดยใส่น้ำอุ่น 3/4 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 1  1/2 ถ้วย
2.  ผสมแป้ง เผือก กับกะทิ 1 ถ้วยเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน (และแบ่งส่วนผสมที่ได้ไว้ 1/2 ถ้วย)
3.  ตอกไข่ใส่ชาม แล้วขยำไข่กับน้ำตาลด้วยใบเตยนานประมาณ 5 นาที เทส่วนผสมข้อ 2 ผสม แล้วขยำต่ออีก 5 นาที กรองด้วยกระชอน พักไว้
4.  จุดเตาอบให้ได้อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮด์ จึงนำถาดสำหรับอบ อบจนร้อนจัดประมาณ 3 นาที จึงนำออกจากเตา
5.  เทส่วนผสมข้อ 2 ที่แบ่งไว้ 1/2 ถ้วย เกลี่ยให้ส่วนผสมทั่วถาด เทส่วนผสมข้อ 3 ใส่ถาด เกลี่ยให้เสมอกัน แล้วจึงราดด้วยกะทิที่เหลือ
6.  นำเข้าเตาอบ อบจนหน้าเหลืองเข้มเกือบเป็นสีน้ำตาล ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นำออกจากเตา วางถาดขนมบนตะแกรง ทิ้งให้เย็น ตัดเป็นชิ้น จัดใส่จาน เสิร์ฟ


ขนมไข่นกกระทา



ขนมไข่นกกระทา
ส่วนผสม
* แป้งมัน               500 กรัม
* แป้งสาลี              2 ช้อนโต๊ะ
* มันเทศต้มจนสุก     800 กรัม
* น้ำตาลทราย         5 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น              1 1/2 ช้อนชา
* งาขา (สำหรับโรยหน้า ตามความชอบ)
* น้ำปูนใสเล็กน้อย
* น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. นำแป้งมัน, แป้งสาลี, น้ำตาลทราย, และเกลือผสมเข้าด้วยกัน
2. นำส่วนผสมในขั้นตอนที่หนึ่งไปผสมกับมันเทศนึ่ง จากนั้นใส่น้ำปูนใสลงไปนิดหน่อย ขยำส่วนผสมจนเข้ากันดี
    จึงปั้นเป็นลูกกลมๆ
3. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจึงใส่แป้งที่ปั้นไว้แล้วลงไปทอด คอยกลับสม่ำเสมอ อย่าให้ไหม้
4.. เมื่อสุกเหลืองดี ตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น (โรยหน้าด้วยงาขาว) จึงเสริฟรับประทานได

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

เยลลี่อัญชัน


 




วันนี้เรามีเมนูของหวานมาฝากกันค่ะ เยลลี่ดอกอัญชัน มีสรรคุณบำรุงดวงตา แก้อาการตาฟาง ตามัว แถมยังมีคุณสมบัติช่วยขับปัสสวะอีกด้วยค่ะ 


ส่วนผสม


น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
อัญชัน 20 ดอก
น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
เจลาติน 3 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)


วิธีทำ


ใช้มือขยี้ดอกอัญชันให้ละเอียดผสมกับน้ำเปล่า กรองเอากากออก เติมน้ำตาลลงไป นำไปเข้าไมโครเวฟประมาณหนึ่งนาที หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย พักไว้ให้อุ่นเทใส่พิมพ์ซิลิโคน (วันนี้ใช้ทรงโดม) นำเข้าช่องฟรีซจนแข็งตัว





ที่มา : boxofcakes.com


>บัวลอยน้ำขิงงาดำ เมนูร้อนๆเพื่อสุขภาพ

  บัวลอยน้ำขิงงาดำ เมนูร้อนๆเพื่อสุขภาพ




         เมนูขนมร้อนๆเพื่อสุขภาพ ที่มีสารอาหารของน้ำขิงที่ช่วยขับลมเพื่อสุขภาพ และ งาดำที่ช่วยบำรุงสุขภาพเสริมแคลเซียมให้สุขภาพ วิธีการทำไม่ยากเหมาะกับสำหรับญาติผู้ใหญ่ได้รับประทานทั้งครอบครัวได้เลยค่ะ 

     ขนมบัวลอยน้ำขิง เป็นขนมที่มีมานานซึ่งปัจจุบันเริ่มมีขายกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เพราะด้วยขนมที่เป็นสุขภาพ ทีน้ำขิงที่สามารถซดร้อนๆ เหมาะกับบรรยากาศหนาวๆได้ดีเลยล่ะคะ ขนมเพื่อสุขภาพที่มีสมุนไพรต่างๆนานา เหมาะกับสำหรับทำทานในครอบครัว ให้ญาติผู้ใหญ่ต้องชอบเป็นพิเศษแน่ๆ ลองมาดูวิธีการทำง่ายไม่ยุ่งยาก ช่วยกันทำทั้งครอบครัวได้กิจกรรมทำยามว่างที่ดีเลยทีเดียว มาเริ่มกันค่ะ
   ส่วนประกอบ บัวลอยน้ำขิงงาดำ 
  • แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วย
  • แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด สำหรับผสมแป้ง (แม่ปันปรายใช้น้ำต้มสุก)
  • งาดำประมาณ 150 - 200 กรัม
  • น้ำตาลทรายขาวประมาณ 1 - 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดงประมาณ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลปิ๊ป 2 ช้อนโต๊ะ
  • ขิงแก่ 1 แหง่งใหญ่ 
  • น้ำสะอาด สำหรับผสมแป้ง และ้ต้มน้ำขิง

  วิธีทำ บัวลอยน้ำขิงงาดำ 
  • เริ่มด้วยการต้มน้ำขิงก่อน แม่ปันปรายใช้ น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตร อาจจะเกินนิดหน่อย ต้มให้เดือดพร้อมกับทุบขิงแก่ลงไปด้วยเติมน้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาวลงไป แล้วรอให้เดือด ใครชอบหวานมากน้อย ก็จัดกันไปค่ะ

  • เมื่อต้มน้ำขิงเสร็จแล้ว ก็ให้พักไว้ก่อนคั่วงาดำ แล้วป่นให้ละเอียดด้วยเครื่องปั่น หรือจะตำเอาแบบก็ได้ (สะดวกดีแต่ไม่ละเอียดมาก)
  • ตั้งกระทะ ใส่น้ำตาลปิ๊ปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วเติมน้ำลงไปนิดหน่อย รอให้น้ำตาลเหนียว ให้ใส่งาดำที่คั่วแล้วลงไป ใส่น้ำตาลทรายตามไปด้วยประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ (รสหวานตามชอบ)ค่อยๆคน ใช้ไฟอ่อน เห็นว่าเหนียวดีแล้วพักไว้ นำไปเข้าตู้เย็น ประมาณ ครึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้สามารถปั้นงาเป็นเม็ดกลมๆได้ง่าย


  • ระหว่างที่รองาดำในตู้เย็น เราก็มาเริ่มผสมแป้งกัน โดยผสมแป้งข้าวจ้าว และแป้งข้าวเหนียว เข้าด้วยกัน อัตราส่วน แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย แล้วค่อยๆ เติมน้ำสะอาด ลงไปผสมแป้งกับน้ำให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ลูกปิงปอง


  • หลังจากที่ปั้นงาดำเรียบร้อย ให้แผ่แป้งออก แล้วใส่งาดำลงไปตรงกลางเพื่อเป็นไส้ แล้วปั้นปิดให้สวยงาม


  • มาถึงขั้นตอนการลวกบัวลอย ให้ลวกบัวลอยกับน้ำเดือด รอจนแป้งลอยขึ้น แล้วตักแช่น้ำเย็นไว้


  • เมื่อเสร็จแล้ว นำใส่ถ้วยแล้วเติมน้ำขิงร้อนๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ




ลองทำกันดูค่ะ รับรองไม่ยากหรอกค่ะ ทำเองประหยัด สามารถควบคุมคุณภาพได้อีกด้วย ใครมีญาติผู้ใหญ่ก็เบาๆรสหวาน ยิ่งหน้าหนาวได้ซดน้ำขิงร้อนๆ ได้กินบัวลอยอร่อยๆ ก็สดชื่นยิ่งขึ้นค่ะ




 



เข้าชม : 4683 ครั้ง
ที่มา : ขอบคุณรูปภาพ+ บทความ pun-prai@exteen // ขอบคุณรูปภาพจาก : โชคดีติ่มซำ



Amezon

comment