แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นานา สาระ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นานา สาระ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

อาหารลดอ้วนและอิ่มนาน



หลังพบว่า โปรตีนจากเนื้อจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อต่างๆ 
ขณะที่ ไข่ขาวและไข่แดง กินได้ไม่เป็นภัยกับหัวใจ 
 แอปเปิ้ลยังช่วยให้อิ่มนาน เพราะมีกากใยถึง 4-5 กรัมต่อลูก… 


   


     จากการศึกษาพบว่า อาหารและผลไม้บางอย่าง ซึ่งนอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังช่วยให้น้ำหนักลดลงด้วย มันอาจจะก่อความผิดคาดขึ้นบ้าง เมื่อยอดอาหารนำขบวนโดยสเต๊กเนื้อ ซึ่งวารสารวิชาการ “โภชนาการบำบัดอเมริกัน” เปิดเผยว่า มันทำให้น้ำหนักลดได้มากกว่า การบริโภคอย่างอื่น แต่จำกัดเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากโปรตีนในสเต๊กจะช่วยรักษามวลของกล้ามเนื้อต่างๆ ระหว่างที่น้ำหนักลดเอาไว้ให้ ไข่ เป็นยอดอาหารอีกอย่างหนึ่ง ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยรัฐหลุยเซียนา ของสหรัฐฯ แนะนำให้สวาปามทั้งไข่ขาวและไข่แดง ไข่ไม่เป็นภัยกับหัวใจ และยังช่วยลดพุงด้วย เคยมีผู้พยายามลดน้ำหนักกินไข่กับขนมปัง และเยลลี่ เป็นอาหารเช้า ลดน้ำหนักได้ มากกว่าผู้ที่กินขนมปังกับอย่างอื่น ที่ให้ปริมาณแคลอรีมากเท่าๆกัน แต่งดไข่ถึง 2 เท่า ผลแอปเปิ้ล มหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท ศึกษาพบว่า ผู้ที่กัดแอปเปิ้ลกินเคี้ยวกร้วมๆ รองท้องก่อนที่จะกินพาสต้า จะกินอาหารได้น้อยกว่าเพื่อนที่กินอย่างอื่นไปก่อน แอปเปิ้ลแต่ละลูกจะให้กากใยมากระหว่าง 4-5 กรัม จึงทำให้อิ่มทน ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากระบบเผาผลาญอาหารของร่างกายด้วย ซึ่งทำให้พุงออกได้ง่าย นอกจากนั้น ยังได้แก่ พริก โยเกิร์ต ถั่วแขกชนิดเม็ดแดงและเหลือง ผลอโวคาโด เนยแข็งอิตาลี และน้ำมันมะกอก... 



เข้าชม : 4049 ครั้ง



วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

วิธีลดน้ำหนักแบบใหม่ กินไขมัน เพื่อ ลดไขมัน


     

         สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก วันนี้เรามีวิธีการลดน้ำหนักแบบที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง คือ การกินไขมันเพื่อลดไขมัน ... 

สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีธรรมชาติแบบง่าย วันนี้เรามีวิธีการลดน้ำหนักแบบที่ว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง คือ การกินไขมันเพื่อลดไขมัน ... แม้การลดความอ้วนด้วยวิธีควบคุมอาหารจะมีมากมาย   แต่การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก พบว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ 4-5 กิโลกรัม ภายใน เดือน คงสนใจกันแล้วใช่ไหมค่ะว่า จะทำให้น้ำหนักลดได้อย่างไร เรามาลองศึกษากันค่ะ

น้ำมันมะพร้าวลดอ้วน
  น้ำมันมะพร้าวจัดเป็นน้ำมันพืชชนิดแรกๆ ที่เรารู้จัก และนำมาใช้ปรุงอาหารหรือบำรุงความงาม แต่ภายหลังนิยมบริโภคน้อยลง เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทำให้อ้วนและเกิดไขมันสะสม
     ส่วนน้ำมันมะพร้าวที่กินเพื่อลดความอ้วน ที่สกัดโดยใช้ความร้อน แต่เป็นน้ำมันมะพร้าวที่เรียกว่า Virgin coconut oil ซึ่งผ่านกระบวนการหีบเย็น คือ ใช้วิธีการปั่น บีบน้ำมันออกมาโดยตรง หรือการแยกหมักด้วยแบคทีเรียเพื่อแยกน้ำมัน และด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าว สองชนิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชนิดใหม่จะช่วยลดความอ้วนและไม่ตกค้างในร่างกาย
     น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีองค์ประกอบของกรดไขมัน ที่มีประโยชน์อยู่มาก โดยเฉพาะกรดไขมันความยาวขนาดกลาง (มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์) ซึ่งเมื่อกินเข้าไป จะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือ จะถูกส่งผ่านกระแสเลือดโดยตรง จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว แตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น นอกจากนี้ยังพบสารไมโตรนิวเตรียนบางตัวที่อยู่ในมะพร้าว เช่น กลุ่มฮอร์โมนพืช ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง



ทฤษฎีลดน้ำหนัก
     การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วน เป็นแนวคิดของแอ็ตกินไดเอ็ต (Atkins Diet) โดยมีหลักการว่า ต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลิน ซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมันของร่างกาย หากงดกินแป้ง และกินแต่ไขมัน ไขมันจะกดความอยากอาหาร เมื่อกินไปสักระยะเราจึงกินน้อยลง
     น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหารได้ดี กว่าไขมันชนิดอื่น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ และสร้างความร้อนได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย ทฤษฎีแอ็ตกินแนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ควบคู่กับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมูตตี้ น้ำสลัด หรือซอส วันละ 2-3 ช้อนโต๊ะ
     ทั้งนี้ศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะลันห์ หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยานิพิดและไขมัน จุฬาฯ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวว่า "สามารถทำได้จริง และเห็นผลดี แต่ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของนักโภชนาการ หากกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกิน 2เดือนขึ้นไป ควรกินแคลเซียมเสริมเนื่องจากการกินอาหารมันๆ จะมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย"
     "ส่วนข้อแนะนำการบริโภคที่ให้คลุกเคล้ากับอาหารมื้อละ ช้อนโต๊ะนั้น หากปฏิบัติตามอาจช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แต่น้ำหนักจะไม่ลดลงหากกินไขมันพร้อมกับคาร์โบไฮเดรต และในทางกลับกันการกินแบบนี้ จะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น"




เข้าชม : 3972 ครั้ง
ที่มา : horapa.com




วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

รู้หรือไม่....เปลือกไข่กินได้




รู้หรือไม่....เปลือกไข่กินได้


 

รู้หรือไม่....เปลือกไข่กินได้

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

ใครที่ชอบทานไข่ ทราบหรือไม่ว่า เปลือกไข่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน วันนี้เกร็ดความรู้มีมาฝากกัน...

- เปลือกไข่อุดมด้วยธาตุเหล็ก นำเปลือกไข่มาล้างให้สะอาด อบย่างให้ร้อนแล้วตำให้เป็นผงละเอียดนำไปหุงปนกับข้าวสาร เป็นอาหารที่มีคุณค่าบำรุงดีมาก และสารอาหารที่จะได้รับจากเปลือกไข่ ก็คือ แคลเซี่ยม

- เปลือกไข่ยังมีประโยชน์ใช้สอยในด้านเป็นเครื่องมือทำความสะอาดสามารถนำไปใช้ขัดล้างอ่างล้างหน้าอ่างอาบน้ำและเครื่องใช้เซรามิคทั้งหลาย

- ใช้แทนแปรงล้างขวดหรือภาชนะที่มีปากแคบ

- ใช้เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้ 




 


วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

thai curry: >อาหารไทย

thai curry: >อาหารไทย: " อาหาร ไทย " “ อาหาร ” เป็นปัจจัยแรก ในปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนเรา คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม...

thai curry: >อาหารไทย

thai curry: >อาหารไทย: " อาหาร ไทย " “ อาหาร ” เป็นปัจจัยแรก ในปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนเรา คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม...

>อาหารไทย

            


อาหาร ” เป็นปัจจัยแรก ในปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิตของคนเรา คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักอาหาร เพราะตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดา เราก็ได้รับสารอาหารจากแม่ จนถึงแม้วันสิ้นลม ก็ยังมีอาหารมาเกี่ยวข้องเป็นเครื่องเซ่นไหว้ คนทุกชาติทุกภาษาในโลกต่างก็มีอาหารประจำชาติของตัวเอง ประเทศไทยก็มี “ อาหารไทย ” ของเราเช่นกัน

เมื่อพูดถึง “ อาหารไทย ” เราคนไทยคงจะรู้สึกคุ้นเคย เพราะเป็นสิ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่หากจะให้พูดถึงรายละเอียด หรือความแตกต่างของวิธีทำ หรือการหุงต้มแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนคงจำแนกไม่ออก บอกไม่ถูก ดังนั้น เพื่อความเข้าใจและเป็นความรู้ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำสาระบางส่วนจากหนังสือสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสริมการเรียนรู้มาเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้

โดยทั่วไป “ อาหาร ” จะหมายถึง ของกิน หรือ เครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต สำหรับคนไทยมักจะกินอาหารเป็นสำรับ ประกอบด้วยข้าวเป็นจานหลัก แล้วมีกับข้าวอีก ๒-๓ อย่าง แต่หากอยู่ในช่วงเร่งรีบก็อาจจะตักกับข้าวทุกอย่างใส่ในจานเดียว ที่เรียกว่า “ ข้าวราดแกง ” อาหารไทยมีหลายประเภท เช่น อาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง (ของกินเล่น) นอกจากนี้ยังมี อาหารตามท้องถิ่น อาหารตามฤดูกาล และอาหารตามเทศกาลอีกด้วย
อาหารคาว จะมีวิธีปรุงที่หลากหลาย เช่น วิธีต้ม ซึ่งมีทั้งรสจืด และรสจัด พวก รสจืด ได้แก่ ผักตำลึงต้มหมูบะช่อ แกงจืดลูกรอก รสจัด ได้แก่ ต้มยำ ต้มโคล้ง ต้มข่า ฯลฯ ส่วน วิธีแกง ก็จะมีทั้งแกงเผ็ด แกงคั่ว แกงป่า แกงฉู่ฉี่ และแกงส้ม เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นเครื่องปรุงน้ำพริกแกงเผ็ดจะใช้พริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด เกลือ กะปิเป็นหลัก แล้วอาจจะเพิ่มหรือลดเครื่องเทศต่างๆตามชนิดของแกง แต่ถ้าเป็น แกงเผ็ดที่ใช้พริกสดแทนพริกแห้ง เขาจะเรียกว่า “ แกงเขียหวาน ” และถ้า คั่วเครื่องเทศใส่ลงไป จะกลายเป็น “ แกงมัสมั่น ” ถ้า ใส่ผงกะหรี่และมันฝรั่ง จะเรียกว่า “ แกงกะหรี่ ” นอกจากนี้ยังมีกับข้าวบางอย่างที่ มีลักษณะอย่างแกง แต่ไม่เรียกว่าแกง ใช้กินกับขนมจีน คือ ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนน้ำพริก

โดยทั่วไป แกง จะหมายถึงอาหารคาว แต่ถ้าเป็น “ แกงบวด ” จะหมายถึง ของหวาน ที่ใช้ ผลไม้ หรือ พืชหัวต้มกับน้ำตาลและกะทิ เช่น ฟักทองแกงบวด เผือกแกงบวด มันแกงบวด ยกเว้นกล้วยจะเรียกว่า “กล้วยบวชชี ” 

            
สำหรับ อาหารหวาน ของคนไทยจะมีทั้งผลไม้และของหวาน ซึ่งเรามักจะเรียกของหวานว่า “ ขนม ” เช่น ขนมหม้อแกง ขนมปลากริมไข่เต่า ขนมเรไร ฯลฯ นอกจากนี้เรายังมีขนมที่ใช้ในงานเลี้ยงหรืองานมงคล ที่มีชื่อสื่อถึงความสุข ความเจริญมั่งคั่ง เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ทองเอก เม็ดขนุน ขนมชั้น และขนมถ้วยฟู เป็นต้น


                
ส่วน อาหารว่าง หมายถึงอาหารที่ใช้กินเล่นแก้หิว ระหว่างมื้อ มีทั้งที่เป็นของคาวและของหวาน ที่นิยมกินกันทั่วไป ได้แก่ สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ ข้าวตังหน้าตั้ง นอกจากนี้ก็ยังมีของกินเล่นที่เป็นพวกขนมกรุบกรอบ เช่น กล้วยฉาบ ข้าวเกรียบกุ้ง และนางเล็ด ส่วนของกินเล่นที่นำผลไม้มาปรุงรสก็ได้แก่ มะขามแก้ว มะม่วงแช่อิ่ม


  
                
อาหารตามท้องถิ่น ก็คือ อาหารประจำภาคต่างๆ เช่น ภาคเหนือ ได้แก่ แกงโฮะ ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ข้าวซอย ภาคกลาง ได้แก่ แกงเขียวหวาน แกงส้มผักรวม น้ำพริกกะปิ ต้มยำ ภาคอีสาน ได้แก่ ลาบ ลู่ ส้มตำ ปลาร้าแจ่วบอง ภาคใต้ ได้แก่ แกงเหลือง แกงไตปลา ข้าวยำ ผัดสะตอ เป็นต้น

อาหารตามเทศกาล จะหมายถึงอาหารคาวหวานที่นิยมทำในช่วงประเพณีหรือเทศกาลนั้นๆ เช่น ช่วงสงกรานต์จะมีการกวนกะละแม ข้าวเหนียวแดง ส่วนวันสารทนิยมทำ ขนมกระยาสารท และสารทเดือนสิบ ทำข้าวต้มลูกโยน คือ ข้าวเหนียวไส้ต่างๆ ห่อด้วยใบตองแล้วไว้ปลายหางเป็นเส้นยาวๆ ส่วน อาหารตามฤดูกาล ก็คือ อาหารที่นิยมทำกินเป็นพิเศษในฤดูนั้นๆ ซึ่งมักจะสอดคล้องกับสภาพอากาศ เช่น หน้าร้อน ทำข้าวแช่และปลาแห้งแตงโม ปลายฤดูฝนต้นหนาว ก็อาจจะทำแกงส้มดอกแค แกงเลียงผักต่างๆใส่พริกไทยและใบแมงลัก แล้วกินร้อนๆ เพราะเชื่อว่าจะช่วย แก้ไข้หัวลม (อาการจับไข้ไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยนในช่วงท้ายฝนต้นหนาว) ครั้น ฤดูหนาวย่าง เข้ามา ก็อาจทำข้าวหลาม ข้าวจี่รับประทานในขณะที่ผิงไฟแก้หนาว เป็นต้น

                อนึ่ง วิธีปรุงอาหารไทย นอกเหนือไปจากการต้ม และแกงอย่างที่กล่าวมาแล้ว ในแต่ละท้องถิ่นก็ยังมีวิธีการปรุงอาหารอีกหลายอย่างที่คนรุ่นใหม่ๆ อาจจะไม่รู้จักหรือเรียกไม่ถูก จึงขอนำมาบอกกล่าวเล่าไว้ให้ทราบบางวิธีดังนี้

  
 คั่ว หมายถึง การทำให้สุก หรือเกรียมผ่านความร้อนในกระทะ ด้วยการคนไปคนมา เช่น คั่วพริก คั่วข้าว หรือใช้เรียกของที่ผ่านกรรมวิธีคั่ว เช่น ข้าวคั่ว พริกคั่ว เป็นต้น

 ราง หมายถึง การคั่วให้กรอบ เช่น นำข้าวเม่า ซึ่งเป็นข้าวเมล็ดอ่อนมาคั่วจนกรอบ ก็เรียกว่า ข้าวเม่าราง

 รวน หมายถึง การนำเนื้อสัตว์มาหั่นหรือสับ แล้วคั่วให้พอสุก โดยอาจใส่น้ำหรือน้ำมันเล็กน้อย เพื่อเก็บรอไว้ปรุงอาหารต่อไป ซึ่งหากจะเก็บไว้หลายชั่วโมงควรเติมน้ำปลาให้พอมีรส 

 หลาม หมายถึง การทำให้สุกภายในกระบอกไม้ไผ่ เช่น ข้าวหลาม บางแห่งก็มีการหลามด้วยการนำข้าว ผัก เนื้อสัตว์ ผสมกับเครื่องปรุงรส อาทิ กะทิ น้ำตาล น้ำพริก แล้วบรรจุลงในกระบอกไม้ไผ่สดๆ ที่ตัดให้มีข้อติดอยู่ข้างหนึ่ง แล้วใช้ใบตองห่ออุดปากกระบอกแล้วเผา เช่นเดียวกับการเผาข้าวหลาม 

 ก้อย หมายถึง การนำเนื้อสัตว์มาทำให้สุกโดยบีบน้ำมะนาว คลุกพริก หอม กระเทียมเผา ใส่เกลือ หรือบางครั้งก็ใส่ข้าวคั่ว หรือซอยตะไคร้ใบมะกรูดใส่ไปด้วย ซึ่งขึ้นกับความนิยมของท้องถิ่น หรืออาจปรุงตามรสของประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ก้อยกุ้ง ก้อยไก่ เป็นต้น 

 พล่า หมายถึง การทำเนื้อดิบต่างๆให้สุกด้วยของเปรี้ยวอย่างมะนาว ลักษณะคล้ายยำหรือก้อย เช่น พล่ากุ้ง

 ยำ หมายถึง การนำเอาผักและเนื้อสัตว์ เป็นต้น มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน แล้วปรุงรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด หรือหวานให้กลมกล่อม เช่น ยำเนื้อ ยำปลากรอบ ยำเล็บมือนาง ฯลฯ

 ลาบ หมายถึง การใช้เนื้อปลา หรือเนื้อดิบอย่างหมู ไก่ เนื้อวัวมาสับให้ละเอียด แล้วผสมด้วยเครื่องปรุงมีมะนาว พริก น้ำปลาหรือปลาร้า เป็นต้น หากใส่เลือดวัวหรือเลือดหมูเข้าไปด้วยจะเรียกว่า “ ลาบเลือด   
         
ผัดฉ่า จะเป็นการผัดเนื้อสัตว์ เช่น ปลากดุก หรือหอยแมลงภู่ผัดกับน้ำพริกในกระทะร้อนจัด ใส่กระชายซอย และยอดพริกไทยอ่อน รสชาติจะเผ็ดร้อน              
  
ผัดพริกขิง เป็นการผัดที่ใส่พริกที่ปรุงอย่างพริกแกง ผสมกุ้งแห้งป่น หรือปลาย่างป่น ใส่ข่าเล็กน้อย แต่ไม่ใส่ขิง โรยด้วยมะกรูดหั่นฝอย ที่นิยมได้แก่ ผัดพริกขิงกากหมู ผัดพริกขิงหมูกับถั่วฝักยาว

ฉู่ฉี่ บางครั้งก็เรียกผัดฉู่ฉี่ หรือแกงฉู่ฉี่ เครื่องปรุงคล้ายน้ำพริกแกงคั่ว ถ้ามีน้ำมากอาจใส่ผัดเพิ่มเติมจากเนื้อปลา ถ้าน้ำขลุกขลิกเรียก ฉู่ฉี่แห้ง แล้วโรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย เช่น ฉู่ฉี่ปลาทู   

จ่อม คือนำกุ้งหรือปลาตัวเล็ก หมักเกลือ แล้วใส่ข้าวคั่วป่น เรียกว่ากุ้งจ่อม ปลาจ่อม ใช้เป็นเครื่องจิ้มกับผักสด

 เจ่า เป็นการนำกุ้ง ปลามาผสมกับข้าวหมาก เรียกว่า กุ้งเจ่า ปลาเจ่า ส่วนใหญ่นำมาหลนกับกะทิ กินกับผักสด (ข้าวหมาก คือ ข้าวเหนียวนึ่ง แล้วหมักกับแป้งเชื้อ)

แจ่ว คือการนำพริกป่น หรือพริกแห้ง หอมกระเทียมเผา โขลกละเอียดใส่น้ำปลาร้าหรือน้ำปลาใช้เป็นน้ำจิ้ม 

ฉาบ คือ นำกล้วยห่ามค่อนข้างดิบ หรือมัน ฝานบางๆ ทอดให้กรอบ แล้วฉาบน้ำตาล

แช่อิ่ม คือ การนำผลไม้มาแช่น้ำเชื่อมจนอิ่มตัว แล้วผึ่งให้แห้ง เก็บไว้รับประทานได้นานๆ

เปียก คือ กวนข้าวหรือแป้งให้สุก แล้วใส่น้ำตาล หัวกะทิ ตามชนิดของขนม เช่น สาคูเปียก ขนมเปียกปูน หรืออาจจะใส่ผลไม้ที่มีรสชาติเข้ากันได้ลงไปด้วย เช่น ข้าวเหนียวเปียกลำไย

มูน คือ นำกะทิมาผสมกับข้าวเหนียวที่นึ่งแล้วขณะยังร้อน คนจนแห้งเข้ากันดี เช่น มูนข้าวเหนียว หรือจะร่อนแป้งละเอียดนึ่งจนสุก แล้วผสมน้ำเชื่อมขณะยังร้อน เช่น มูนขนมขี้หนู

                ทั้งหมดนี้ คือสาระน่ารู้เกี่ยวกับ “ อาหารไทย ” ซึ่งหวังว่าคงจะช่วยเสริมเติมรสชาติให้ท่านกินอาหารได้อร่อยยิ่งขึ้น

  





Posted by italay



วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

thai curry: ชื่ออาหารไทยในความตะลึง…ตึง…ตึง…ของฝรั่ง      ใต...

thai curry: ชื่ออาหารไทยในความตะลึง…ตึง…ตึง…ของฝรั่ง

ใต...
: ชื่ออาหารไทยในความตะลึง…ตึง…ตึง…ของฝรั่ง ใต้เงาเทียนอันสลัวของร้านเล็ก ๆ ริมถนนย่านบางลำพู สี่สาวไทยกับ หนึ่งหนุ่มฝรั่งนั่งรออาหารที...

ชื่ออาหารไทยในความตะลึง…ตึง…ตึง…ของฝรั่ง



     ใต้เงาเทียนอันสลัวของร้านเล็ก ๆ ริมถนนย่านบางลำพู สี่สาวไทยกับหนึ่งหนุ่มฝรั่งนั่งรออาหารที่สั่งพรางวิพากษ์วิจารณ์ถึงชื่อของอาหารกันอย่างออกรส โดยเฉพาะหนุ่มฝรั่งที่ต้องมานั่งฟังการแปลชื่อของอาหารนั้นทั้งขำทั้งทึ่งเพราะแถวบ้านเขานั้นไม่มีการตั้งชื่ออะไรให้มีนัยยะของที่มาที่ไปอะไรขนาดนี้แม่อบเชยรู้สึกปลื้มในความคิดอันแยบยลของบรรพบุรุษเสียจริงที่ท่านมีเวลามานั่งประดิษฐ์คิดชื่อของอาหารให้ลูกหลานได้มานั่งถกกันเล่นเป็นที่เพลิดเพลินเรียก
น้ำย่อยก่อนจะถึงเวลาลงมือจริง 



 


     เราเริ่มกันที่ “ข้าวผัดสิบสามห้าง” ซึ่งพอดีมาก่อนจานอื่นค่ะ ทันทีที่ได้ยินชื่อว่า “Fried Rice of 13 Department Stores” เพื่อนแม่อบเชยก็เขี่ยข้าวเสียจนทั่วจานเลยค่ะ เพื่อดูว่ามีห้างอะไรบ้างอยู่ในข้าวผัดของเขา แต่ก็ไม่เจอสักห้างไม่ว่าจะเป็น ดิ เอ็มโพเรียม เซ็นทรัลพลาซ่า หรือว่า เวิร์ลดเทรด เซ็นเตอร์ กระทั่งเดอะมอลล์สาขาใด ๆ ก็ตาม เลยสงสัยกันว่าแล้วมันมีห้างอะไรล่ะอยู่ในข้าวผัด?
ความจริงนั้น สมัยก่อนนี้เราจะมีการเรียกชื่ออาหารจานเด็ดของแต่ละย่านโดยเรียชื่อสถานที่พ่วงเข้าไปกับชื่อของอาหาร เช่น เดี๋ยวนี้เราก็มี ข้าวขาหมูตรอกซุงมีข้าวมันไก่ประตูน้ำ หมูย่างเมืองตรังนะคะ แต่ว่าจะไม่มีใครสงสัยเพราะสถานที่ที่พูดถึงนั้นยังร่วมสมัยกับเราอยู่ แต่ถนนสิบสามห้างนั้น เป็นย่านทันสมัยของคนสมัยก่อนซึ่งคนรุ่นนี้มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเคยเป็นแหล่ง ช้อปปิ้งของคนทันสมัยและมีร้านขายข้าวผัดเลื่องชื่อจนเรียกกันว่าข้าวผัดสิบสามห้าง จนตอนหลังก็กลายพันธุ์มาเป็น ข้าวผัดสูตรสิบสามห้างที่ไปขายที่ไหนก็ใช้สูตรเดียวกันจนได้ชื่อว่า ข้าวผัดสิบสามห้างเรื่อยมานั่นเองค่ะ



 


     จากนั้นก็มาว่ากันที่ “ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ” ค่ะ ไม่รู้เจ้าไหนเป็นเจ้าแรกเพราะเห็นโกฮับเจ้าเก่าเต็มไปหมด แถมยังมีลูกโกฮับ หลานโกฮับ เหลนโกฮับเพื่อนโกฮับ ญาติโกฮับกันไปทั้งเมืองเลยค่ะ และเดี๋ยวนี้ก้าวหน้า ไปอยู่ในซอง”มาม่า”บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเรียบร้อยแล้ว แม่อบเชยก็ไม่แน่ใจนะคะว่าเป็นสูตรของญาติฝ่ายไหนของโกฮับ ยังไม่ได้ตามไปจับประเด็นข่าวกันเลยค่ะ รู้แต่ว่าต่อให้ 

”ก๋วยเตี๋ยวเรือไตตานิค” มาขายแข่งก็ยากที่จะเอาชนะใจคนไทยที่รักรสชาติอันเข้มข้นของก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับได้ 


 


     ไม่นาน ”ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ” ก็เดินทางมาถึง ชื่อน้ำพริกชนิดนี้เล่นเอาอึ้ง ไปหลายนาทีกว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ได้ค่ะ เพราะเมื่อแปลไปแล้วได้ความว่าNamprink of Embarkation อันตัวน้ำพริกนั้นไม่ต้องสาธยายกันแล้วเพราะรู้จักพอสมควรแต่ทำไมมันจะต้องลงเรือนี่สิ กลายเป็นประเด็นกันขึ้นมา ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านอธิบายเอาไว้ว่า เพราะในสมัยก่อนเวลานั้น เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องไปด้วยเรือ แถมเรือที่ว่าก็ใช่จะเร็วปรู๊ดปร๊าดเป็นเรือยอร์ชเสียที่ไหน เร็วไปตามกำลังฝีพายเท่านั้น ผู้เดินทางก็จึงต้องเตรียมข้าวปลา
อาหารไปรับประทานระหว่างการเดินทางด้วย น้ำพริกสะดวกในการจัดลงเรือนั้นก็คือน้ำพริกชนิดนี้ เพราะข้นมาก ไม่หกเลอะเทอะ ตอนแรกๆ ก็ยังไม่มีชื่อหรอกค่ะแต่ไปๆ มาๆ ก็ได้ชื่อว่า ”น้ำพริกลงเรือ” เพราะนิยมนำไปเป็นเสบียงสำหรับการเดินทางด้วยเรือนั่นเองค่ะ




      อีกจานค่ะ เป็น ”น้ำพริกหนุ่ม” ที่คู่กันมากับแคบหมู เมื่อต้องแปลว่าNamprik of a Young Man ก็ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่ ทำไมต้อง “YoungMan” ชายแก่ห้ามกินหรืออย่างไร แล้วสาว ๆ จะกินได้ไหม หรือได้เฉพาะหนุ่ม ๆ ?ความจริงนั้น “น้ำพริกหนุ่ม” เป็นคำเรียกชื่อตามส่วนประกอบที่เป็น ”พริกหนุ่ม”หรือ พริกที่ยังอ่อน ๆ อยู่ของคนเมืองเหนือซึ่งจะเรียกอะไรก็ตามที่ยังอ่อนอยู่ว่า”หนุ่ม” ทั้งนั้นค่ะ


 


      ที่นี้มาถึง “ผัดเป็ดกระแดะ” ค่ะ อุแม่เจ้า! แม่อบเชยก็งงเหมือนกัน เพราะดูหน้าตาของเป็ดที่ผัดมานั้นก็เห็นเรียบร้อยดี ไม่มีจริตจะก้านอะไรมากจนเกินงามไปพอที่จะให้นิยามว่า “กระแดะ” เสียหน่อย เลยถามพนักงานเสิร์ฟก็ยังไม่ได้ความเพราะเขาเองก็บอกได้แค่ว่ามันประกอบไปด้วยเป็ดกับซ้อสและผักสองสามอย่างเท่านั้นเองค่ะ แต่หลังจากตักเข้าปากไปสองสามคำ ก็พอจะนึกออกค่ะ ว่าทำไมได้ชื่อนี้ ซึ่งก็เพราะว่าเพื่อนที่แสนจะเรียบร้อยของแม่อบเชยนางหนึ่งอุทานว่า
“อ๊าาา… อร่อยจัง…ตัวเอ๊ง” นะสิคะ




     ไปลงเอยที่ “ผัดผัวเบื่อ” ซึ่งหมายถึงผัดหอยลายใบกะเพรา และเมื่อมาถึงชื่อนี้แม่อบเชยผู้เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว เลยจำต้องบอกศาลาการอรรถาธิบายถึงที่มาที่ไปของอาหารจานนี้ค่ะ เพราะจนด้วยเกล้าที่จะแปลให้ไม่ขายหน้าห้าบาทหกสลึงจริงๆ และจนเดี๋ยวนี้ เพื่อนฝรั่งของแม่อบเชยก็ยังไม่รู้ว่าทำไม Fried shell with sweet basil จึงได้ชื่อว่า Fired of husband ‘s boresome เฮ่อ…บรรพบุรุษน่ะบรรพบุรุษ แม่อบเชยจะสรรเสริญท่านในเรื่องการตั้งชื่ออาหารต่อไปอีกดีไหมคะนี่….

Amezon

comment