แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สูตรสาวนุ้ย (ดัดแปลง) แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สูตรสาวนุ้ย (ดัดแปลง) แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปั้นขลิบใส้ปลาทูน่า



     สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายกันไปนานๆๆๆ สาวนุ้ยยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าช่วงหลังๆนี้เป็นอะไร ทำไมรู้สึกว่าตัวเองขี้เกี๊ยจ ขี้เกียจเอามากๆ อารมณ์อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากแตะ อยากทำอะไรเลย จริงๆสูตรที่มาลงวันนี้สาวนุ้ยทำไว้นานมากแล้วค่ะประมาณสองเดือนได้แล้วมั๊ง เพิ่งจะมาได้ฤกษ์เอาตอนนี้ อิอิ แต่ตอนนี้ก็คงจะไม่ได้เข้าครัวอีกเป็นเดือนค่ะ เพราะตอนนี้สาวนุ้ยหิ้วคุณชายที่บ้านกลับมาเที่ยวเมืองไทย ก็จะอยู่ประมาณ 5 สัปดาห์ ขอพักผ่อนสมองหน่อยค่ะ พล่ามไปซะยืดยาวเรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าวันนี้สาวนุ้ยมีเมนูอะไรอร่อยมาฝากกันค่ะ







ส่วนแป้ง


แป้งสาลีเอนกประสงค์ ............................1/2 ถ้วยตวง 
แป้งข้าวเจ้า ............................................1/2 ถ้วยตวง 
น้ำมันพืช ...............................................1/4 ถ้วยตวง 
น้ำปูนใส ................................................1/4 ถ้วยตวง 
น้ำตาลทราย .............................................1 ช้อนโต๊ะ 
เกลือป่น ..................................................1/2 ช้อนชา




ส่วนไส้


ปลาทูน่า .........................................................200 กรัม
หอมแดงซอย ...................................................100 กรัม
รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด ...........1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ .......................................................3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ............................................................2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด ...............................................2 ช้อนโต๊ะ
ข่าสับละเอียด ...................................................2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ



ผสมแป้งทั้งสองชนิด น้ำตาล และเกลือรวมกัน เทน้ำมันและน้ำปูนใสลงไป นวดให้แป้งเนียนนวดๆๆ จนแป้งเนียนจับกันเป็นก้อน ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆหรือฝาผิดพักแป้งไว้ ๓๐ นาที แป้งจะได้ไม่แห้ง






ระหว่างรอแป้งครึ่งชม เราก็ไปผัดไส้กันค่ะ ตั้งกระทะบนเตา ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป ตามด้วย รากผักชี กระเทียม พริกไทยที่โขลกไว้ ผัดให้มีกลิ่นหอม





ใส่หอมแดงซอยลงไปตามด้วยข่าสับผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม และหอมซอยยุบตัว





ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ตามด้วยน้ำปลา คลุกเคล้าผัดไปจนส่วนผสมเข้ากันดีจึงใส่ปลาทูน่าลงไปผัด





ผัดๆ ผัดไปเรื่อยๆจนไส้แห้งดี ต้องผัดไส้ให้แห้งนะคะ เวลาห่อแป้งทอดเสร็จแล้วเก็บไว้หลายวันแป้งจะได้กรอบๆ





 เมื่อไส้สุกแล้ว เราก็มาเตรียมแป้งสำหรับห่อกันค่ะ วันนี้สาวนุ้ยขี้เกียจปั้นแป้งทีละลูก เลยใช้ไม้คลึงขนมปัง คลึงทีเดียวเลยค่ะ หนาบางตามชอบค่ะ จากนั้นก็ใช้พิมพ์กลมๆกดแป้งออกมาเป็นแผ่นๆค่ะ วันนี้สาวนุ้ยใช้พิมพ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ซ.ม.





เมื่อทำจนหมดแป้งแล้วเราก็มาจัดการห่อกันเลยค่ะ ตักใส้ใส่แ้งประมาณช้อนชาพูนๆจากนั้นจับริมตรงกันข้ามพับลงมาให้คลุมไส้ กดแป้งตรงริมให้แน่นขลิบริมให้สวยงามเหมือนวิธีการทำกะหรี่พั๊ฟ(รูปของสาวนุ้ย ตอนนี้ยังไม่ได้พับริมนะคะ ลืมถ่ายตอนพับน่ะค่ะ) ปั้นสิบจะทำง่ายกว่ากะหรี่พั๊ฟมาก เพราะไม่ต้องรีดแป้งให้มีลาย ทำไปจนแป้งหมด จะได้ปั้นสิบไส้ปลาประมาณ ๒๖ ตัวขลิบริมเสร็จก็วางเรียงบนถาด ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆคลุมไว้ด้วยนะคะ





เสร็จแล้วจึงนำลงทอดด้วยไฟปานกลางจนสุก แป้งสีเหลืองสวย









ปั้นขลิบของเราก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ จากนั้นก็พักขนมจนเย็น จึงเก็บใส่ขวดโหลไว้กินได้หลายวัน จะทานเล่นรึกับกาแฟก็อร่อย ยังไงก็ลองทำกันดูนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ สวัสดีค่ะ...










วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผัดผักรวม



     สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกๆคน หลังจากที่ห่างหายจาการอับบล็อกไปนานนนนพอสมควร เพราะมัวแต่ยุงกับการตระเตรียมงานที่รับไว้คือ รับทำเค๊กแต่งงานให้ญาติของเพื่อนสาวชาวอัฟริกาที่เคยเรียนเบเกอรี่ด้วยกันนั่งเองค่ะ แต่รอบนี้ เพื่อนสาวของสาวนุ้ยดันไปรับทำบุฟเฟท์ด้วยนี่สิ ทีนี้งานเลยเข้าสาวนุ้ยจังๆ  เลยพากันหัวฟู เพราะสาวตัวเล็กๆ(รึเปล่า) สองคน ต้องมาเตรียมของทำเค๊ก ไหนจะคิดเมนู แล้วก็ช๊อปปิ้งของบุฟเฟท์อีก แถมเวลาของเราสองคนก็ไม่ค่อยตรงกันอีก เพราะเพื่อนสาวต้องทำงาน และเราก็ต้องไปโรงเรียนและก็มีรับจ๊อบสอนทำอาหารไทยและก็บุฟเฟท์อื่นๆอีก มันก็เลยพาลยุ่งกันกว่าเดิม แต่ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีทุกๆอย่าง เจ้าของงานก็ปลื้มมากกับทั้งอาหารและก็เค๊ก และก็อึ้งและทึ่งอีกนิดหน่อยที่เราทำออกมาเกินคาด อิอิ ( แอบดีใจ) แต่พองานหลวงเสร็จ ที่นี้สิ งานราษก็เข้าสิเพราะไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้าน ทั้งอาทิตย์ไม่ค่อยได้ทำกับข้าว วันนี้ได้ฤกษ์เลยต้องโละตู้เย็นกันซะหน่อย โละไปโละมาสาวนุ้ยก็เลยได้มาหนึ่งเมนูมาฝากเพื่อนๆค่ะ นั่นก็คือ ผัดผักรวมตามมีตามเกิด สาวนุ้ยก็เอาักทุกอย่างที่มีในตู้นั่นแหละค่ะมาผัดๆๆๆ จนได้จานอร่อยมาอีกหนึ่งจาน จนคุณชายที่บ้าน บอกว่า คนไทยนี่เก่งเนอะ ไม่ต้องคิดเมนู ไม่ต้องไปช๊อปปิ้งให้ยุ่งยากเหมือนฝรั่ง ก็สามารถทำอะไรอร่อยๆได้ ถ้าเป็นเค้าก็คงโละทิ้ง เพราะมีอันนั้นนิด อันนี้หน่อย จะทำอะไรซักจานมันก็ไม่พอ พล่ามไปซะยาว อิอิ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าสาวนุ้ยมีอะไรกันบ้างในตู้เย็น...







เครื่องปรุง

กุ้ง 7 ตัว
ผักโขม 2 กำมือ
แครอท 1 หัว
ถั่วลันเตา 7 ฝัก
ดอกกะหล่ำนิดหน่อย
แพร 1 ต้น( อันนี้จะคล้ายๆ ต้นหอม แต่ต้นใหญ่กว่ามากกก)
กระเทียม 2 กลีบ
พริกสด 3 เม็ด
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา, พริกไทยนิดหน่อย
ผงวิเศษ(ชูรส) นิดหน่อย


วิธีทำ



ปลอกเปลือกกระเทียม ทุบให้พอแตก ส่วนพริกสดนำมาผ่าครึ่ง พักไว้  ผักโขมนำไปล้างน้ำให้สะอาด  แพรนำไปล้างแล้วหั่นเป็นแว่นบางๆ ประมาณครึ่ง ซม. ส่วนแครอทนำมาปลอกเปลือก ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่นๆประมาณครึ่ง ซม เหมือนกันค่ะ ดอกกะหล่ำก็หั่นชิ้นพอคำ ไม่ต้องใหญ่มาก หั่นชิ่นพอเข้ากับผักอื่นๆค่ะ



เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ประมาณ 5 ชต. พอน้ำมันเริ่มร้อน ให้นำกระเทียมที่ทุบไว้ลงไปผัดให้หอม (ถ้าเพื่อนๆใช้กุ้งสดๆก็ให้ผัดตอนนี้เลยค่ะ ส่วนสาวนุ้ยใช้กุ้งแช่แข็งเลยใส่ทีหลัง เพราะมันสุกง่ายมากกกก)จากนั้นใส่ผักที่แข็งๆลงไปคือ แครอทกับดอกกะหล่ำ 



เมื่อใส่แครอทกับดอกกะหล่ำลงไปแล้วก็ใส่เครื่องปรุงลงไปเลยค่ะ เติมน้ำมันหอย,น้ำปลา,น้ำตาลทราย,ผงวิเศษและก็พริกไทย จากนั้นผัดให้เครื่องทั้งหมดเข้ากันและแครอทสุกครึ่งๆค่ะ จึงใส่ผักที่สุกง่ายลงไปคือ แพร,ผักโขมและก็พริกขี้หนู ผัดซักพักจนผักโขมเริ่มสลด ผัดให้เข้ากันก็ปิดเตาและยกลง ไม่ต้องนานมากจนผักเละนะคะ







...ผัดผักรวมตามมีตามเกิดของเราก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ เป็นไงบ้างค่ะ ง่ายเหมือนที่สาวนุ้ยบอกรึเปล่า ใครอยากโละตู้ก็นำเคล็ดสาวนุ้ยไปใช้นะคะ ไม่สงวนค่ะ มาทานด้วยกันนะคะ...





วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว



หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว (สไตล์เบลเยียม)




     

     36 ํC ในเบลเยียมเนี่ยนะ มันเป็นไปไม่ได้ จะบ้าไปแล้ว เค้าอ่านข่าวผิดรึเปล่า...ไม่ได้มาบ่นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่วันนี้ตอนเช้าได้ยินข่าวเค้าบอกวันนี้เบลเยียมจะมีอากาศที่ร้อนถึง 36 ํC เค้าบอกว่ามันจะเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบประมาณ 150 ปีเลยทีเดียว (จะดีใจดีมั๊ยเนี่ย วันร้อนประวัติศาสตร์ อิอิ) ก็เลยนั่ง งงๆ เอ๋อๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่าเค้าอ่านข่าวผิดรึเราหูเพี้ยน แต่นะขณะนี้ก็ประมาณบ่ายโมงตรง สาวนุ้ยก็เริ่มแน่ใจขึ้นแล้วว่าหูเราไม่ได้เพี้ยน เพราะว่ามันร้อนมากกก จนจะได้หายใจทางเหงือกอยู่แล้ว ขนาดว่าตอนนี้ก็แค่ 32 เองเจ้าค่ะ สงสัยที่เราได้ยินมาว่า โลกจะแตก มันคงจะเป็นจริงซะละมั๊ง(ว่าไปโน่น) ยังไงเราก็มารอลุ้นกันดีกว่าว่ามันจะขึ้นจนถึง  36 จริงๆรึเปล่า ฝรั่งเค้าจะได้เข้าใจคนไทยอย่างเราๆซักทีว่าทำไมคนไทยถึงชอบวิ่งหนีแดด 55555555 
     ถึงแม้อากาศจะร้อนระอุขนาดไหน สาวนุ้ยก็ไม่หวั่่นที่จะมีเมนูอร่อยๆมาฝากอยู่ดีค่ะ สำหรับหน้าร้อนของเบลเยียม เมนูฮิตก็ยังคงเป็น หอยแมลงภู่ค่ะ   แต่สำหรับบางคนเค้าก็บอกว่าเมนูนี้เป็นเมนูประจำชาติเบลเยียมกันเลยทีเดียว เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ถ้าไม่สั่งเมนูหอยแมลงภู่อบกับเฟรนซ์ฟราย(เส้นเล็ก)ทอด แล้วก็เบียร์เย็นๆๆ เค้าบอกยังมาไม่ถึงเบลเยียมเจ้าค่ะ ตามที่ได้ยินมานั้น เค้าบอกว่า หอยแมลงภู่ของเบลเยียมสมัยก่อนจะมีเฉพาะเดือนที่ ชื่อเดือนมีอักษร "R"เท่านั้น  ซึ่งเดือนที่ไม่มีก็แค่ Mei พ.ค./Juni มิ.ย/ Juli ก.ค/ Augustus ส.ค. ก็เท่ากับว่าปีนึงก็จะมีหอยแมลงภู่กินแค่ 8 เดือนเองเจ้าค่ะ ซึ่งต่างกับปัจจุบันที่มีกินกันตลอดทั้งปี เพราะสามารถนำเข้าจากประเทศอื่นนั่นเอง แต่สำหรับร้านอาหารหลายๆร้านนั้น เค้าก็ยังคงประเพณีเดิมๆไว้ นั่นก็คือ เทศกาลรึว่า ฤดูกินหอยแมลงภู่ นั่นก็คือเริ่มกันช่วงซัมเมอร์นี่เองเจ้าค่ะ ต่อกันอีกนิดนึงสำหรับท่านที่จะซื้อหอยในซุปเปอร์มาเกต หอยที่นี่เค้าจะแบ่งตามขนาด และจะมีคำเหล่านี้เขียนไว้ที่แพ็คเพื่อบ่งบอกขนาดควาามใหญ่เล็กของหอยเจ้าค่ะ ราคาก็จะแพงตามขนาด ซึ่งก็จะมี ดังนี้เจ้าค่ะ

"super" (อันแรกจะเป็นตัวเล็กสุด "ซูเปอร์" กิโลนึงจะมีหอย 60-70 ตัวเลยทีเดียว)
 "imperial" (อิมพีเรียล จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ 53-60 ตัว)
 "jumbo" ส่วน "จัมโบ้" 45-53 ตัว)
"goudmerk". (อันนี้จะตัวใหญ่สุด "เกาด์เมร์ค จะมีแค่ 38-45 ตัว ตัวใหญ่มวากกก) ข้อมูลจาก http://www.wegwijzerfood.nl 

     แต่สำหรับสาวนุ้ยแล้วคิดว่าตัวเล็กสุดก็ใหญ่เกินกินแล้วเจ้าค่ะ ตัวเค้าเล็ก แต่เนื้ออัดแน่นเต็มเปลือกจริงๆ
...พูดเรื่องหอยนี้รู้สึกว่าจะพูดได้ไม่เหนื่อยเลย อิอิ เิ่ริ่มยาวแระ เราวกกลับมาที่เมนูของวันนี้กันดีกว่าเจ้าค่ะ ซึ่งมันก็คือ "หอยแมลงภู่อบซอสไวน์ขาว" เรามาดูกันค่ะว่ามันจะง่ายแสนง่ายขนาดไหน...



เครื่องปรุง : สำหรับ 1 ที่
หอยแมลงภู่...............................1 กก.
หอมใหญ่..................................1 หัว.
กระเทียม..................................1 กลีบ.
คึ่นช่ายฝรั่ง(sederij )..................3 ก้าน.
พริกไทยประมาณ........................1ชช.
เนยจืด.....................................2 ชต.
ไวน์ขาว................................200 มล (สำหรับหอยอบธรรมดาหรือสำหรับเด็กๆก็ตัดไวน์ขาวไปค่ะ) รสชาติก็ไม่ต่างกันมากมาย



เครื่องปรุุงซอสสำหรับจิ้มหอย 
(อันนี้สาวนุ้ยไม่ได้ทำนะคะ เพราะว่าไม่มีซอสก็อร่อยอยู่แล้วเจ้าค่ะ)

มายองเนส................................2 ชช
มัสตาร์ด...................................1 ชช 
 

น้ำซุปจากหอย...........................2 ชช 
น้ำส้มสายชูจากไวน์ขาว(witte wijn azijn).......1/2  ชช 
พริกไทย นิดหน่อย
พาร์สลี่สับ นิดหน่อย


- ผสมทุกอย่างลงในถ้วยแล้วคนให้เข้ากัน แค่นี้ก็เรียบร้อย ส่วนสำหรับบางเมนูก็เติมผงกะหรี่ลงไปนิดหน่อยก็ไม่ผิดดกติกาเจ้าค่ะ (ข้อมูลจาก http://www.kookplaza.be)


วิธีทำ



นี่คือหน้าตาของหม้อสำหรับอบหอยแมลงภู่นะคะ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้หม้อธรรมดาที่ปิดฝาได้สนิทน่ะค่ะ



เราก็จัดการล้างหอยให้สะอาดค่ะ (ปกติหอยที่ซื้อมาเค้าก็จะทำความสะอาดมาบ้างแล้ว แต่เราล้างอีกทีก็ดีค่ะ เพราะบางทีสาวนุ้ยก็เจอหอยแตกบ้างเหมือนกัน ก็เก็บทิ้งไปค่ะ)ส่วนหอมใหญ่ก็ปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นประมาณ 1 ซม. คึ่นช่ายฝรั่งก็ล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นยาวประมาณ 1 ซม. เหมือนกัน ส่วนกระเทียมก็ทุบใส่รวมกับหอมไปเลยค่ะ บางสูตรอาจใส่แครอทนะคะ แต่สาวนุ้ยไม่ได้ใส่ค่ะ 



เมื่อเราเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จัดการนำหม้อตั้งไฟปานกลาง ใส่เนยลงไป 2 ชตค่ะ พอเนยละลายดีก็ใส่ผักทุกอย่างลงไปพร้อมกันเลย คนให้พอเข้ากันก็ปิดฝาทิ้งไว่ค่ะ เราจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีให้ผักเกือบสุก แต่ระหว่างนี้ก็คนหน่อยนะคะ กันก้นไหม้  ประมาณซัก 2 ครั้ง



เมื่อผักได้ที่เราก็ใส่ไวน์ลงไปค่ะ (ส่วนคนที่ไม่ใส่ไวน์ก็ข้ามไปค่ะ) เมื่อเราใส่ไวน์ลงไปแล้วเราก็คนอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ตามด้วยหอยค่ะแล้วก็พริกไทย (หลายคนแอบสงสัยทำไมไม่ใส่เกลือ งานนี้เกลือไม่ต้องค่ะ เพราะหอยมันเค็มจากน้ำทะเลของมันอยู่แล้ว)




จากนั้นเราก็ปิดฝาอบต่อประมาณ 5-7 นาทีค่ะ ระหว่างที่อบเนี่ยพยายามอย่าเปิดฝานะคะ แต่ให้เราเขย่าให้หอยสุกทั่วถึงกัน เมื่อผ่านไปประมาณ 5นาทีเราก็เปิดฝาดูว่าหอยสุกได้ที่รึยัง เพราะบางคนชอบสุกมากสุกน้อยไม่เหมือนกัน ถ้ายังสุกไม่พอใจก็ปิดฝาอบต่ออีกได้ค่ะ จากนั้นเมื่อหอยสุกได้ที่แล้วสาวนุ้ยจะเทน้ำซุปที่ออกมาจากหอยทิ้งไปค่ะ...สำหรับคนที่ทำซอสจิ้มก็ใช้น้ำซุปตัวนี้นะคะ( แต่ปกติตามร้านอาหารเค้าก็ไม่เททิ้งนะ คือจะเสิร์ฟทั้งหม้อหยั่งนั้นเลย) แต่ที่สาวนุ้ยเทน้ำทิ้ง เพราะว่าระหว่างที่เรากินเนี่ย หอยที่อยู่ด้านล่างในน้ำซุปเนี่ย เค้าก็จะสุกไปเรื่อยๆค่ะ กว่าจะกินได้ตัวสุดท้ายหอยก็จะกลายเป็นหนังสติ๊กไปแล้วค่ะ( สุกจนเหนียวอ่ะ อิอิ) 



ถึงตอนนี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟค่ะ ทานคู่กับมันทอดเส้นเล็กและมายองเนส อร่อยอย่าบอกใครเชียว จานนี้ก็เป็นเมนูโปรดของสาวนุ้ยอีกเมนูนึงเลยล่ะค่ะ




     ส่วนอันนี้หอยที่เรากินไม่หมดจากเมื่อวาน สาวนุ้ยก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ค่ะ วันนี้ก็เลยเอาออกมาผัดกะน้ำพริกเผาค่ะ อร่อยไปอีกแบบ แล้วหอยที่นี่ตัวโตเนื้อเต็มๆตัวจริงๆค่ะ

...ยังไงเพื่อนๆก็ลองไปทำกันดูนะคะ รับรองความอร่อยค่ะ...คอนเฟิร์ม สวัสดีสำหรับมื้อนี้ แล้วเจอกันใหม่มื้อหน้านะคะ สวัสดีค่ะ




Amezon

comment