แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารยุโรป แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารยุโรป แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว



หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว (สไตล์เบลเยียม)




     

     36 ํC ในเบลเยียมเนี่ยนะ มันเป็นไปไม่ได้ จะบ้าไปแล้ว เค้าอ่านข่าวผิดรึเปล่า...ไม่ได้มาบ่นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่วันนี้ตอนเช้าได้ยินข่าวเค้าบอกวันนี้เบลเยียมจะมีอากาศที่ร้อนถึง 36 ํC เค้าบอกว่ามันจะเป็นวันที่ร้อนที่สุดในรอบประมาณ 150 ปีเลยทีเดียว (จะดีใจดีมั๊ยเนี่ย วันร้อนประวัติศาสตร์ อิอิ) ก็เลยนั่ง งงๆ เอ๋อๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่าเค้าอ่านข่าวผิดรึเราหูเพี้ยน แต่นะขณะนี้ก็ประมาณบ่ายโมงตรง สาวนุ้ยก็เริ่มแน่ใจขึ้นแล้วว่าหูเราไม่ได้เพี้ยน เพราะว่ามันร้อนมากกก จนจะได้หายใจทางเหงือกอยู่แล้ว ขนาดว่าตอนนี้ก็แค่ 32 เองเจ้าค่ะ สงสัยที่เราได้ยินมาว่า โลกจะแตก มันคงจะเป็นจริงซะละมั๊ง(ว่าไปโน่น) ยังไงเราก็มารอลุ้นกันดีกว่าว่ามันจะขึ้นจนถึง  36 จริงๆรึเปล่า ฝรั่งเค้าจะได้เข้าใจคนไทยอย่างเราๆซักทีว่าทำไมคนไทยถึงชอบวิ่งหนีแดด 55555555 
     ถึงแม้อากาศจะร้อนระอุขนาดไหน สาวนุ้ยก็ไม่หวั่่นที่จะมีเมนูอร่อยๆมาฝากอยู่ดีค่ะ สำหรับหน้าร้อนของเบลเยียม เมนูฮิตก็ยังคงเป็น หอยแมลงภู่ค่ะ   แต่สำหรับบางคนเค้าก็บอกว่าเมนูนี้เป็นเมนูประจำชาติเบลเยียมกันเลยทีเดียว เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ถ้าไม่สั่งเมนูหอยแมลงภู่อบกับเฟรนซ์ฟราย(เส้นเล็ก)ทอด แล้วก็เบียร์เย็นๆๆ เค้าบอกยังมาไม่ถึงเบลเยียมเจ้าค่ะ ตามที่ได้ยินมานั้น เค้าบอกว่า หอยแมลงภู่ของเบลเยียมสมัยก่อนจะมีเฉพาะเดือนที่ ชื่อเดือนมีอักษร "R"เท่านั้น  ซึ่งเดือนที่ไม่มีก็แค่ Mei พ.ค./Juni มิ.ย/ Juli ก.ค/ Augustus ส.ค. ก็เท่ากับว่าปีนึงก็จะมีหอยแมลงภู่กินแค่ 8 เดือนเองเจ้าค่ะ ซึ่งต่างกับปัจจุบันที่มีกินกันตลอดทั้งปี เพราะสามารถนำเข้าจากประเทศอื่นนั่นเอง แต่สำหรับร้านอาหารหลายๆร้านนั้น เค้าก็ยังคงประเพณีเดิมๆไว้ นั่นก็คือ เทศกาลรึว่า ฤดูกินหอยแมลงภู่ นั่นก็คือเริ่มกันช่วงซัมเมอร์นี่เองเจ้าค่ะ ต่อกันอีกนิดนึงสำหรับท่านที่จะซื้อหอยในซุปเปอร์มาเกต หอยที่นี่เค้าจะแบ่งตามขนาด และจะมีคำเหล่านี้เขียนไว้ที่แพ็คเพื่อบ่งบอกขนาดควาามใหญ่เล็กของหอยเจ้าค่ะ ราคาก็จะแพงตามขนาด ซึ่งก็จะมี ดังนี้เจ้าค่ะ

"super" (อันแรกจะเป็นตัวเล็กสุด "ซูเปอร์" กิโลนึงจะมีหอย 60-70 ตัวเลยทีเดียว)
 "imperial" (อิมพีเรียล จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ 53-60 ตัว)
 "jumbo" ส่วน "จัมโบ้" 45-53 ตัว)
"goudmerk". (อันนี้จะตัวใหญ่สุด "เกาด์เมร์ค จะมีแค่ 38-45 ตัว ตัวใหญ่มวากกก) ข้อมูลจาก http://www.wegwijzerfood.nl 

     แต่สำหรับสาวนุ้ยแล้วคิดว่าตัวเล็กสุดก็ใหญ่เกินกินแล้วเจ้าค่ะ ตัวเค้าเล็ก แต่เนื้ออัดแน่นเต็มเปลือกจริงๆ
...พูดเรื่องหอยนี้รู้สึกว่าจะพูดได้ไม่เหนื่อยเลย อิอิ เิ่ริ่มยาวแระ เราวกกลับมาที่เมนูของวันนี้กันดีกว่าเจ้าค่ะ ซึ่งมันก็คือ "หอยแมลงภู่อบซอสไวน์ขาว" เรามาดูกันค่ะว่ามันจะง่ายแสนง่ายขนาดไหน...



เครื่องปรุง : สำหรับ 1 ที่
หอยแมลงภู่...............................1 กก.
หอมใหญ่..................................1 หัว.
กระเทียม..................................1 กลีบ.
คึ่นช่ายฝรั่ง(sederij )..................3 ก้าน.
พริกไทยประมาณ........................1ชช.
เนยจืด.....................................2 ชต.
ไวน์ขาว................................200 มล (สำหรับหอยอบธรรมดาหรือสำหรับเด็กๆก็ตัดไวน์ขาวไปค่ะ) รสชาติก็ไม่ต่างกันมากมาย



เครื่องปรุุงซอสสำหรับจิ้มหอย 
(อันนี้สาวนุ้ยไม่ได้ทำนะคะ เพราะว่าไม่มีซอสก็อร่อยอยู่แล้วเจ้าค่ะ)

มายองเนส................................2 ชช
มัสตาร์ด...................................1 ชช 
 

น้ำซุปจากหอย...........................2 ชช 
น้ำส้มสายชูจากไวน์ขาว(witte wijn azijn).......1/2  ชช 
พริกไทย นิดหน่อย
พาร์สลี่สับ นิดหน่อย


- ผสมทุกอย่างลงในถ้วยแล้วคนให้เข้ากัน แค่นี้ก็เรียบร้อย ส่วนสำหรับบางเมนูก็เติมผงกะหรี่ลงไปนิดหน่อยก็ไม่ผิดดกติกาเจ้าค่ะ (ข้อมูลจาก http://www.kookplaza.be)


วิธีทำ



นี่คือหน้าตาของหม้อสำหรับอบหอยแมลงภู่นะคะ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้หม้อธรรมดาที่ปิดฝาได้สนิทน่ะค่ะ



เราก็จัดการล้างหอยให้สะอาดค่ะ (ปกติหอยที่ซื้อมาเค้าก็จะทำความสะอาดมาบ้างแล้ว แต่เราล้างอีกทีก็ดีค่ะ เพราะบางทีสาวนุ้ยก็เจอหอยแตกบ้างเหมือนกัน ก็เก็บทิ้งไปค่ะ)ส่วนหอมใหญ่ก็ปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นประมาณ 1 ซม. คึ่นช่ายฝรั่งก็ล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นยาวประมาณ 1 ซม. เหมือนกัน ส่วนกระเทียมก็ทุบใส่รวมกับหอมไปเลยค่ะ บางสูตรอาจใส่แครอทนะคะ แต่สาวนุ้ยไม่ได้ใส่ค่ะ 



เมื่อเราเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จัดการนำหม้อตั้งไฟปานกลาง ใส่เนยลงไป 2 ชตค่ะ พอเนยละลายดีก็ใส่ผักทุกอย่างลงไปพร้อมกันเลย คนให้พอเข้ากันก็ปิดฝาทิ้งไว่ค่ะ เราจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีให้ผักเกือบสุก แต่ระหว่างนี้ก็คนหน่อยนะคะ กันก้นไหม้  ประมาณซัก 2 ครั้ง



เมื่อผักได้ที่เราก็ใส่ไวน์ลงไปค่ะ (ส่วนคนที่ไม่ใส่ไวน์ก็ข้ามไปค่ะ) เมื่อเราใส่ไวน์ลงไปแล้วเราก็คนอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ตามด้วยหอยค่ะแล้วก็พริกไทย (หลายคนแอบสงสัยทำไมไม่ใส่เกลือ งานนี้เกลือไม่ต้องค่ะ เพราะหอยมันเค็มจากน้ำทะเลของมันอยู่แล้ว)




จากนั้นเราก็ปิดฝาอบต่อประมาณ 5-7 นาทีค่ะ ระหว่างที่อบเนี่ยพยายามอย่าเปิดฝานะคะ แต่ให้เราเขย่าให้หอยสุกทั่วถึงกัน เมื่อผ่านไปประมาณ 5นาทีเราก็เปิดฝาดูว่าหอยสุกได้ที่รึยัง เพราะบางคนชอบสุกมากสุกน้อยไม่เหมือนกัน ถ้ายังสุกไม่พอใจก็ปิดฝาอบต่ออีกได้ค่ะ จากนั้นเมื่อหอยสุกได้ที่แล้วสาวนุ้ยจะเทน้ำซุปที่ออกมาจากหอยทิ้งไปค่ะ...สำหรับคนที่ทำซอสจิ้มก็ใช้น้ำซุปตัวนี้นะคะ( แต่ปกติตามร้านอาหารเค้าก็ไม่เททิ้งนะ คือจะเสิร์ฟทั้งหม้อหยั่งนั้นเลย) แต่ที่สาวนุ้ยเทน้ำทิ้ง เพราะว่าระหว่างที่เรากินเนี่ย หอยที่อยู่ด้านล่างในน้ำซุปเนี่ย เค้าก็จะสุกไปเรื่อยๆค่ะ กว่าจะกินได้ตัวสุดท้ายหอยก็จะกลายเป็นหนังสติ๊กไปแล้วค่ะ( สุกจนเหนียวอ่ะ อิอิ) 



ถึงตอนนี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟค่ะ ทานคู่กับมันทอดเส้นเล็กและมายองเนส อร่อยอย่าบอกใครเชียว จานนี้ก็เป็นเมนูโปรดของสาวนุ้ยอีกเมนูนึงเลยล่ะค่ะ




     ส่วนอันนี้หอยที่เรากินไม่หมดจากเมื่อวาน สาวนุ้ยก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ค่ะ วันนี้ก็เลยเอาออกมาผัดกะน้ำพริกเผาค่ะ อร่อยไปอีกแบบ แล้วหอยที่นี่ตัวโตเนื้อเต็มๆตัวจริงๆค่ะ

...ยังไงเพื่อนๆก็ลองไปทำกันดูนะคะ รับรองความอร่อยค่ะ...คอนเฟิร์ม สวัสดีสำหรับมื้อนี้ แล้วเจอกันใหม่มื้อหน้านะคะ สวัสดีค่ะ




วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ขาหมูเยอรมัน



ขาหมูกับกะหล่ำดองเยอรมัน(sauerkraut)



 

      



   
     สวัสดีค่ะเพื่อนทุกๆคน หลังจากที่ห่างหายกันไปหลายวัน เพราะมีเรื่องยุ่งๆต้องทำนิดหน่อย วันนี้สาวนุ้ยก็กลับมาพร้อมกับสูตรเมนูอร่อยเหมือนเดิมนะคะ พอดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณชายเค้านึกเปรี้ยวปากขึ้นมา อยู่ดีๆก็บอกอยากกินอาหารเยอรมัน ขาหมูกับ ซาวเคร้าท์ (sauerkraut) แล้วก็มาอยากกินขึ้นมาวันอาทิตย์เนี่ยนะ ซุปเปอร์ก็ปิดหมด แล้วชั้นจะไปหาที่ไหนละเนี่ยยยยย...ก็เลยต้องออกไปตลาดนัดแต่มันก็ดันไม่ได้มีทุกอย่างนี่นา ต้องขับรถกันรอบเมือง ในที่สุดก็ไปเจอ คาร์ฟู แถว korsternberg เปิดตอนเช้าก็เลยพอถูไถไปได้...พูดแล้วก็ แอบเคือง
     เอาเป็นว่าเรามาดูสูตร sauerkraut ของสาวนุ้ยกันดีกว่าค่ะ ว่าจะทุลักทุเลกันขนาดไหน...



เครื่องปรุง

2 แพ็ค sauerkraut (แพ็คละ 500 กรัม)
1 ขาหมู ( ยี่ห้อ  hocks) แบบรมควันค่ะ วันนี้ makro ปิด เลยได้ยี่ห้อนี้มา ก็อร่อยดีค่ะ
1 แพ็ค เบคอนรมควัน แบบชิ้นหนา
ไส้กรอก ปริมาณตามใจฉัน (ยี่ห้อ polish) แนะนำค่ะ
1 แอปเปิ้ล
2 หอมหัวใหญ่
1 กลีบ กระเทียม
ประมาณ 15 เม็ด เบอรี่
2ช้อนโต๊ะ เนยจืด
1/2 ถ้วยตวง kirsch
1 ถ้วยตวง ไวน์ขาว แบบไม่หวาน (dry)
1 ถ้วยตวง สต๊อก( น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ผสม รสดี 3 ช้อนชาพูนๆ)




วิธีทำ



  
 -นี่คือหน้าตา เครื่องปรุงทั้งหมด ทั้งมวลค่ะ




 
- เรามาลงมือกันเลยดีกว่าค่ะ อย่างแรกก็ปอกเปลือกหอมกระเทียมกับแอปเปิ้ล แล้วหั่นให้เรียบร้อย  ชิ้นลูกเต๋า ประมาณ 1 ซ.ซ ส่วนกระเทียมก็สับให้ละเอียด พักไว้ค่ะ


  
- จากนั้นก็จัดการ sauerkraut ค่ะ แกะจากถุงลองชิมดูก่อนนะคะว่าเปรี้ยวมากรึเปล่า ถ้าเปรี้ยวมากก็ล้างออกหน่อยค่ะ เพราะแต่ละยี่ห้อความเปรี้ยวจะต่างกันค่ะ วันนี้สาวนุ้ยชิมดู เปรี้ยวนิดหน่อย เกือบๆ เว่อร์ ก็เลยล้างหนึ่งห่อ ไม่ล้างหนึ่งห่อค่ะ แล้วก็พักไว้ให้สะเด็ดน้ำค่ะ


  
-จากนั้นเราก็มาเริ่ม เอาหม้อตั้งไฟร้อนปานกลางค่ะ ใส่เนยลงไป พอเนยละลาย ก็ใส่หอมใหญ่พร้อมกับแอปปิ้ลพร้อมกันเลยค่ะ ผัดประมาณ 5-7 นาที ดูให้หอมเริ่มนิ่ม




  
-จากนั้นก็ใส่ sauerkraut ที่เราล้างพักไว้ลงไป คนให้เข้ากันนิดหน่อย ตามด้วยเบอรี่ ไวน์ขาว สต๊อก แล้วก็ kirsch 




 
-ตามด้วยขาหมูค่ะ จากนั้นก็ปิดฝาหม้อให้เดือดก่อน แล้วค่อยหรี่ไฟลงใช้ไฟอ่อนประมาณ 3-4 ชม. แต่ต้องหมั่นดู หมั่นคนนิดนึงนะคะ ไม่งั้น sauerkraut ก้นหม้อจะไหม้เอาค่ะ




  
-หลังจากผ่านไป 2-3 ชม เราก็ใส่ เบคอนกับไส้กรอกลงไปเลยค่ะ (อันนี้คือ ใส่ก่อนเสิร์ฟ 1 ชม.) เปิดฝาหม้อมา จะรอ 1 ชม ไม่ไหวแล้ว...กลิ่นหอมมากกกก





 
-เมื่อไส่ไส้กรอกกับเบคอนเรียบร้อย เราก็มาเตรียมขนมปัง เนย แล้วก็ มัสตาร์ด รอเลยค่ะ หรือ บางคนก็กินกับมันบด ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่กินกับขนมปังแบบนี้เป็นสูตรของป้าลูซี่ค่ะ(แม่ยายสาวนุ้ยเอง อิอิ)





     เป็นไงค่ะกะหล่ำเยอรมันดองสูตรสาวนุ้ย ไม่ยากใช่มั๊ยค่ะ แถม อร่อยมมั๊ก มั๊ก อีกต่างหาก คอนเฟิร์มค่ะ ยังไงเพื่อนๆก็ลองทำกันดูนะคะ หรือจะแนะนำ ติชมก็ยินดีค่ะ แล้วเจอกันใหม่มื้อหน้านะคะ มื้อนี้สวัสดีค่ะ









วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

สตอร์เบอร์รี่โยเกิร์ตมูสเค้ก



สตอร์เบอร์รี่โยเกิร์ตมูสเค้ก


 

         เมนูที่ถูกใจสาวๆ ที่ใครๆ ก็ต้องรู้จัก สตอร์เบอร์รี่โยเกิร์ตมูสเค้ก เรียกชื่อแล้วก็ยังเรียกน้ำลายจากสาวๆ ได้มากเลยที่เดียวค่ะ แถมวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากจนเกินไปด้วยค่ะ 

ส่วนผสมเค้กช็อคโกแล็ต สำหรับถาดขนาด 21x21x3 ซม.
  • แป้งเค้ก 35 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • ผงโกโก้ 7 กรัม
  • อัลมอนด์ป่นละเอียด 5 กรัม
  • น้ำตาลทราย ก. 30 กรัม
  • ไข่แดง 1 1/2 ฟอง
  • น้ำมันพืช 25 กรัม
  • นมสด 40 กรัม
  • วานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
  • ไข่ขาว 1 1/2 ฟอง
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • น้ำตาลทราย ข. 20 กรัม


ส่วนผสมมูสสตรอว์เบอรี่ สำหรับพิมพ์มูส เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 x 5 ซม. 4 พิมพ์ค่ะ
  • สตรอว์เบอรี่ 200 กรัม
  • เจลาติน 4 แผ่น (แบบผง 6 กรัม)
  • โยเกิร์ตธรรมชาติ 140 กรัม
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • น้ำมะนาว 2 ชช.
  • วิปปิ้งครีม 200 มล.


วิธีทำ เค้กช็อคโกแล็ต ถาดอบปูกระดาษไข แล้วอุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศาเซลเซียสเลยค่ะ
ร่อนแป้ง ผงฟู ผงโกโก้ และอัลมอนด์มีลรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสมใบใหญ่แล้วทำบ่อตรงกลาง ใส่น้ำตาลทราย ไข่แดง น้ำมันพืช นมสด และวานิลาในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ พอเข้ากัน ไม่เหลือแป้งเป็นเม็ดๆ ใช้เวลาในการคนไม่เกิน 10 วินาทีนะคะ อย่าคนนานเดี๋ยวเค้กเหนียวเป็นยางพาราค่ะ
ใส่ไข่ขาวในอ่างอีกใบ ใส่เกลือลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 10 วินาทีพอไข่เป็นฟองฟู เปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ข. ลงไปตีรวมกับไข่ขาวจนน้ำตาลหมด และไข่ตั้งยอดแข็งก็หยุดตีค่ะ
แบ่งไข่ขาวครึ่่งหนึ่งมาตะล่อมเบามือให้เข้ากับส่วนผสมแป้ง เสร็จแล้วก็ใส่ไข่ขาวที่เหลือลงตะล่อมให้เข้ากัน ดี เทส่วนผสมใส่ถาดอบที่ปูด้วยกระดาษไขไว้แล้ว เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน แล้วนำเข้าไปอบประมาณ 13 นาทีจนเค้กสุก นำออกจากเตาอบ วางไว้บนตะแกรงพักให้เย็นอุณหภูมิห้อง เมื่อเค้กเย็นแล้วก็นำพิมพ์มูสมาตัด วางเค้กบนจานรองเค้กแล้วครอบด้วยพิมพ์มูสค่ะ จากนั้นเราก็ไปทำตัวมูสกันค่ะ


วิธีทำมูสสตรอว์เบอรี่ 
แช่เจลาตินในน้ำเย็นไว้ประมาณ 10 นาทีให้นิ่ม สะเด็ดน้ำไว้ แล้วหันไปสตรอว์เบอรี่ไปปั่นให้ละเอียด ใส่หม้ออุ่นพอร้อนแต่ไม่เดือด ใส่เจลาตินที่นิ่มแล้วลงไปในหม้อสตรอว์เบอรี่ คนจนเจลาตินละลายหมด พักไว้ก่อนค่ะ
จากนั้นนำโยเกิร์ตใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทรายและน้ำมะนาว ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ตีวิปปิ้งครีมจนเป็นครีมข้นแต่ไม่ถึงกับตั้งยอด แล้วนำมาตะล่อมกับส่วนโยเกิร์ตให้เข้ากันดี แบ่งส่วน 1/3 ของส่วนผสมเทใส่พิมพ์มูสที่รองด้วยเค้กช็อคโกแล็ตไว้แล้วค่ะ ใครจะหั่นสตรอว์เบอรี่สดแต่งขอบรอบข้างก็ตามชอบนะคะ แต่เราว่าไม่แต่งสวยกว่า แต่งแล้วดูรกๆ นะคะ ว่ามั้ย
ใส่ซอสสตรอว์เบอรี่ลงไปตะล่อมผสมกับส่วนผสมที่เหลือจนเข้ากันดี แล้วเทใส่ส่วนสีขาวจนเต็มพิมพ์ นำมูสไปแช่เย็นประมาณ 6 ชั่วโมงให้มูสเกาะตัวดี แล้วค่อยเอาออกจากพิมพ์นะคะ


ที่มา : http://varithorn.blogspot.com


วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

ลาซาลญ่า

  

 
 
ลาซาลญ่า (สูตรสาวนุ้ยจร้า)
 
 
 
 
  
 
 

เครื่องปรุง (สำหรับ 5-6 ที่)

 
หมู/เนื้อวัว/หมู+เนื้อวัว สับละเอียด ..........500 กรัม 
ไข่เบอร์ใหญ่ ..........1 ฟอง
น้ำมันมะกอก ..........3 ชต.
หอมหัวใหญ่ ..........1 หัว
พริกไทย ..........1 ชช.
เกลือป่น..........1 ชช.
น้ำตาล ..........2 ชช
ซุปก้อนหรือรสดี ..........1 ชต
ออริกาโนแห้ง ..........1 ชช.
cerely powder  ..........1 ชช.(ถ้าไม่่มีก็ไม่ต้องใข้)
tomato paste (ซอสมะขืเทศเข้มข้น)  ..........1 ชต.
กระเทียม ..........2 กลีบ (ประมาณ 1 1/2 ชต.)
พาร์สลีย์สด ..........1 ชต.
บาซิลสด ..........1 ชต..
พาร์มีซาน ..........1/2 ถ้วย (หรือมากน้อยตามชอบค่ะ) 
มอสเสเรล่าชีส ..........50 กรัม(mozzerella cheese)
รีคอสต้าชีส ...........250 กรัม(ricotta cheese) 
มะเขือกระป๋องหรือใช้มะเขือเทศสด ต้มในน้ำร้อนประมาณ1นาทีแล้วลอกเปลือกออก 400กรัม


 


ส่วนผสมสำหรับทำแผ่นลาซานญ่า
(ถ้าใครใช้แผ่นสำเร็จรูปก็ตัดส่วนนี้ไปค่ะ)

 แป้งอเนกประสงค์ 1ถ้วยตวง
ไข่ไก่เบอร์ใหญ่ 1 ฟอง
น้ำมันมะกอก 2 ชช
เกลือ 1 ชช


วิธีทำ



ลงมือทำแผ่นลาซานญ่ากันก่อนเลยค่ะ เพราะต้งพักแป้งก่อนรีดเส้นประมาณครึ่งชม ระหว่างรอแป้งเราก็ค่อยไปทำซอสกันค่ะ





-เริ่มจาก ร่อนแป้งกับเกลือรวมกันลงบนโต็ะนวดหรือใช้กะละมังก็ไม่ว่ากันค่ะ จากนั้นทำแป้งให้เป็นหลุมตรงกลาง ใส่น้ำมันมะกอกและตอไข่ลงไปค่ะ แล้วใช้ส้อมตีไข่และแป้งให้ค่อยๆเข้ากันค่ะ






-เมื่อไข่และแป้งเริ่มเข้ากันดี ทีนี้ก็ใช้มือนวดแป้งค่ะซักประมาณ 10 นาที จากนั้นก็นำแป้งใส่โถที่มีฝาปิด หรือใช้ผ้าคลุมไว้ก็ได้ค่ะ 30 นาที




 

-จากนั้นก็มาลงมือทำซอสกันค่ะ นำกระเทียมมาสับและหั่นหอมลูกเต๋าชิ้นเล็ก ตั้งหม้อแล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป จากนั้นใส่กระเทียมสับ และหอมใหญ่หั่ลงไปจ้ะ พอหอมสุกแล้ว ก้อใส่เนื้อลงไป ก้อคอยคนเรื่อยๆ จนกระทั่งหมู







-แล้วก้อใส่มะเขือเทศกระป๋อง กะซอสมะเขือเทศเข้มข้นลงไป คนให้พอเข้ากัน จากนั้นก็ใส่เกลือ,ออริกาโน่,พริกไทย,น้ำตาล,ปาปริกา,cerely powder 8o.shg-hkdyo แล้วชิมดู ขาดเหลืออะไรก้อเติมให้ถูกปากกันจร้า จากนั้นก็เปิดไปอ่อนๆทิ้งไว้จนกว่าเราจะตรียมแผ่นแป้งเสร็จ


 



-ระหว่างรอซอส เราก็มาเตรียมชีสกันค่ะ
-เริ่มจาก พาเมซานที่สาวนุ่ยซื้อมาวันนี้เป็นแท่ง ก็ต้องขูดให้เป็นผงพร้อมใช้ค่ะ ส่วนมอสเซเรล่าชีสก็นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กค่ะ ส่วนพาร์สลี่กับใบเบซิล(กะเพราปรั่ง) นำมาซอยให้พร้อม
จากนั้นแกะชีสริคอสตต้าใส่ถ้วยผสม จากนั้นตอกไข่,พาเมซานชีส 2 ชต ใบเบซิลกับพาร์สลี่,เกลือกับพริกไทยหยิบมือลงไป จากนั้นก็คนให้ชีสเข้ากัน





ระหว่างที่รอซอส เราก้อมาต้มเส้นลาซานญ่ากัน แล้วเปิดเตาอบรอไว้เลย







แต่สำหรับคนที่ทำแป้งลาซานญ่าเองก็ลงมือรีดแป้งค่ะ ให้หนาประมาณ 2 มม จากนั้นก็ตัดให้ได้ตามขนาดของถาดที่ใช้ แล้วนำเส้นไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาทีค่ะ เมื่อเส้นพร้อมก็ตักขึ้นแช่น้ำเย็นเพื่อที่แป้งจะได้ไม่ติดกัน
พอซอสเสร็จแล้ว แผ่นลาซานญ่าพร้อมแล้ว






ชั้น1: ก้อเริ่มจาก ทาซอสบางๆ ที่ถาดแก้ว กันแผ่นติดตอนสุกค่ะ
ชั้น2: แล้ววางแผ่นลาซานญ่าชั้นแรกลงไป
ชั้น3: แล้วตามด้วยชีสที่ผสมไว้ ลงไปครึ่งนึงค่ะ แล้วเกลี่ยให้ทั่ว
ชั้น4: ซอส 1ส่วน 3 ของซอสค่ะ
ชั้น5 : ชีสมอสเซเรล่า (mozzarella cheese)






ชั้น6: ก็กลับมาที่พาสต้าก็ไปเหมือนเดิมค่ะ
ชั้น7: ชีสที่ผสมไว้อีกครึ่งลงไป
ชั้น8: ซอสส่วนที่สอง
ชั้น9: ชีสมอสเซเรล่า (mozzarella cheese)






ชั้น10: พาสต้า
ชั้น11: ซอสที่เหลือค่ะ ต้องจบด้วยซอสนะคะ
ชั้น12: ทีนี้ก็ใส่ชีสเอมเลเทล ( emmental cheese ) โรยให้ทั่วถึงค่ะ
ชั้นสุดท้าย ตามด้วยชีสพาเมซานขูดค่ะ อันนี้ก็โรยให้ทั่วเหมือนกัน ใช้ตะแกรงร่อนได้ยิ่งดีค่ะ ตอนเสร็จออกมาจะได้อร่อยเท่าๆกันมุกชิ้นค่ะ อิอิ







ทีนี่ก็มาขั้นสุดท้ายค่ะ "อบ" สาวนุ้ยใช้ลมร้อนค่ะ ใช้เวลาอบประมาณ 40-45 นาที อันนี้แล้วแต่เตาบ้านใคร บ้านใครนะคะ อบด้วยการปิดด้วยฟอยอลูมิเนียมก่อนประมาณ 20-25 นาทีค่ะ เพื่อที่หน้าจะได้ไม่แห้งเกินไปตอนที่สุก หลังจากผ่านไป 20-25 นาที ทีนี้เราก็เอาฟอยซ์ออกค่ะ อบต่อจนได้ที่ประมาณ 20-25 นาที จะสังเกตได้ว่าหน้าชีสละลาย อืม...น่ากินมากมาย พอดูว่าได้ที่ก็นำออกจากเตามาพักให้เย็นลงค่ะ ก่อนที่จะลงมือค่ะ อิอิ...

 




เป็นไงคะ น่าตาน่ารัก น่ากินมั๊ย สูตรนี้รับรองความอร่อยโดยสาวนุ้ยคะ ส่วนที่เหลือจากที่เรากินแล้วก็ตัดเป็นชิ้นใส่กล่อง ติดชื่อ วันที่ให้เรียบร้อยกันลืม แล้วนำไปใส่ช่องแข็งไว้ค่ะ นึกครึ้มอกครึ้มใจวันไหนอยากกินก็จะได้มีลาซานญ่าแบบรวดเร็วทันใจ ลองไปทำกันดูแล้วจะรู้ว่าสาวนุ้ยพูดจิง ใครลองแล้วก็มาฝากโพสต์ไว้กันได้นะคะ ...





 
  
 
 
 
 


Amezon

comment